14 พ.ค.58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรมว.ศึกษาธิการ และแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการลงสมัครรับการสรรหาเป็นคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย (คปก.) ของ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ ว่า ปัญหาที่ใหญ่กว่าการมีหรือไม่มีจริยธรรม คือการวางแผนเตรียมการไว้ของนายบวรศักดิ์ และพวก สืบทอดอำนาจในวันข้างหน้า ในการกำหนดทิศทาง แนวนโยบายในการบริหารประเทศ ควบคุมการทำงานรัฐบาล และรัฐสภา ที่ต่อเนื่องยาวนาน เพราะ พ.ร.บ.คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย พ.ศ.2553 ตามมาตรา 39(2) คปก.จะมีอำนาจในการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายให้เป็นตามรัฐธรรมนูญ และตัวร่างรัฐธรรมนูญก็เพิ่มอำนาจให้ คปก.สามารถที่จะส่งเรื่องการปฏิรูปกฎหมายไปยังสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศได้ สามารถเสนอแก้กฎหมายไปยังวุฒิสภาให้ออกกฎหมายเกี่ยวกับการปฏิรูปด้านต่างๆ โดยสภาผู้แทนราษฎรไม่สามารถที่จะไปทำอะไรได้ ปฏิรูปเพียงแค่คนกลุ่มเล็กจากการรัฐประหาร ที่ไม่เป็นกระบวนการประชาธิปไตย กลับหัวกลับหางในสิ่งที่ควรจะเป็น
ทั้งนี้ นายจาตุรนต์ ยังกล่าวถึงแนวคิดของ นายไพบูลย์ นิติตะวัน กมธ.ยกร่างฯ ให้แก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญมาตรา 308 ให้มีการลงประชามติว่า เห็นควรหรือไม่จะให้มีการปฏิรูป 2 ปี ก่อนเลือกตั้ง นั้น เป็นแนวคิดเดียวกับกลุ่ม กปปส.ก่อนการรัฐประหาร การจะปฏิรูปอีก 2 ปี หรือไม่ ถ้าร่างรัฐธรรมนูญยังเป็นอยู่อย่างที่ร่างมานี้ นั้นคือการปฏิรูปเพียงกลุ่มคนกลุ่มเล็กๆ นี้ ก็ยังดำเนินต่อเนื่องต่อไปอยู่ดี โดยที่ประชาชนไม่สามารถไปคัดค้านโต้แย้งอะไรได้ เพราะว่าทุกอย่างกำหนดอยู่ในรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน รัฐธรรมนูญเมื่อประกาศใช้ก็แก้ไขไม่ได้อีก จึงเป็นกระบวนการสร้างความล้าหลังต่อเนื่องยาวนานให้กับประเทศ ครอบงำความเป็นไปของบ้านเมือง ตามความคิดของพวกเขา โดยไม่สนใจประชาชน ต้องการความเบ็ดเสร็จ และการอยู่นานของกลุ่มอำนาจที่มาจากรัฐประหาร จะทำให้รัฐบาล และรัฐสภาอ่อนแอ ส่งผลกระทบการค้าการลงทุนอย่างรุนแรง เกิดความขัดแย้ง กลายเป็นวิกฤตที่ไม่มีทางออก เกิดการรัฐประหาร เรียกร้องผู้นำกองทัพในอนาคตเข้ามายึดอำนาจอีก
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
