´อัยการ´ สั่งฟ้อง ทักษิณ-อ้อ ยึดที่ดิน 772 ล้าน

คมช.เดินหน้าไล่บี้ทุจริต


พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สวนกระแสการจ่ายเงิน 2,000 ล้านบาท เพื่อขอเจรจาสงบศึก โดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.ในฐานะประธาน คมช. ระบุชัดเจนว่า กลุ่มอำนาจเก่าไม่มีทางหวนคืนมามีอำนาจอีก เพราะ คมช.ได้วาง 4 ขั้นตอนเพื่อล้างบางกลุ่มอำนาจเก่าไว้แล้ว และในเร็วนี้จะมีการดำเนินคดีกับอดีตนายกฯอีกหลายคดี

สนธิ ประกาศอำนาจเก่าไม่มีทางกลับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.30 น. วานนี้ (18 มิ.ย.) ที่โรงแรมอมารีแอร์พอร์ต ดอนเมือง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ได้บรรยาย พิเศษเรื่อง ความมั่นคงในโครงการเพื่อผลิตพยาบาลวิชาชีพ เพื่อแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้

โดยกล่าวในตอนหนึ่งว่า

แม้ว่าแนวร่วมประชาธิปไตยเพื่อขับไล่เผด็จการที่ชุมนุมอยู่ที่สนามหลวง จะโจมตีรัฐบาลและ คมช.อย่างไร ก็ถือว่าเป็นการโจมตีเพื่อแก้ตัว เพื่อให้วัฏจักรหมุนกลับไปสู่ที่เดิม ปัญหาบ้านเมืองมาถึงขณะนี้เดินไปถึงจุดที่ใกล้สำเร็จแล้ว พยายามพูดกับข้าราชการเสมอว่าอย่าใส่เกียร์ว่าง ถ้าใส่เกียร์ว่างเพราะกลัวอำนาจเก่าจะกลับมา

อยากบอกกับทุกคนว่า

มันกลับมาไม่ได้ เพราะขั้นวางไว้ในการปฏิรูปการปกครองจนถึงวันสุดท้าย จะต้องเป็นไปตามขั้นตอนคือ

1.การยุบพรรคจะต้องเกิดขึ้น เพราะคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องรู้จักทุกคน มันเป็นความผิดทางกฎหมายเห็นๆ

2.คดีที่ผิดเรื่องการโกงกิน และการคอรัปชันจะปรากฏ

3.พรรคจะเริ่มแตกและวิ่งกระจัดกระจาย และ

4. เรื่องของคดีก็จะสิ้นสุด และไปสู่การลงประชามติของร่างรัฐธรรมนูญและการเลือกตั้ง

การเลือกตั้งคราวหน้า

จะต้องเป็นพรรคที่ทุกคนอยู่ในฝ่ายบริหาร จะต้องรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ประเทศไทยและสถาบัน ขณะนี้เป็นไปตามขั้นตอนที่วางไว้ และผลผลิตของทาง คตส.กำลังจะบรรลุเป็นขั้นๆ วันที่ 19 มิ.ย.นี้ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดจะเห็นการตัดสินครั้งสำคัญ การประกาศการทุจริตครั้งสำคัญอีกวันหนึ่ง ทั้งหมดจะนำไปสู่คดีอาญา พล.อ.สนธิกล่าว

งงตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นแนะให้กลับมาสู้คดี


ต่อข้อถามว่านายกฯมีท่าทีอย่างไร หาก พ.ต.ท. ทักษิณจะตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า ยังไม่มั่นใจว่าคำถามนี้หมายถึงอะไร ว่าจะไปตั้งรัฐบาลในลักษณะไหน คือการตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น คงจะต้องมองให้ชัดว่า

การที่จะไปดำเนินการอย่างนั้นได้

จะต้องเป็นเรื่องราวทางการเมืองที่ประเทศหนึ่งประเทศใด ที่ พ.ต.ท. ทักษิณอาจจะเข้าไปลี้ภัย และยินยอมให้มีการดำเนินการในส่วนเหล่านั้นขึ้น แต่คิดว่าประเด็นตรงนี้ คงจะไม่เกี่ยวกับเรื่องทางการเมืองแล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้มีการติดต่อมาบ้างหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า ยังไม่มี รัฐบาลพร้อมที่จะทำความเข้าใจพูดคุยกัน เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปโดยสันติวิธี

ผู้สื่อข่าวถามว่า

พล.อ.สนธิได้นำปัญหาที่ได้จากการลงพื้นที่ไปพบปะประชาชนมาหารือหรือไม่ พล.อ. สุรยุทธ์ตอบว่า คงเป็นเรื่องที่ พล.อ.สนธิอยากจะพบปะกับพี่น้องประชาชนแถวบางลำพู ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าจะให้ท่านได้มีโอกาสได้รับทราบข้อมูลอย่างจริงจังจากชาวบ้านจริงๆ แต่ยังไม่ได้มีการพูดกันในเรื่องเหล่านี้

คิดว่าการที่จะได้มีการพบปะพูดคุยกันเป็นสิ่งที่ดี

ไม่ว่าจะในระดับไหนก็ตาม ผมคิดว่าในส่วนนี้จะเป็นส่วนที่ทำให้มีโอกาสได้ใกล้ชิด ได้มีความเชื่อถือ ได้มีความไว้วางใจกันมากขึ้น เมื่อถามว่านายกฯจะไปบ้างหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า ผมคงไม่ไปบางลำพู

อัยการสั่งฟ้อง ทักษิณ-พจมาน


นายพชร ยุติธรรมดำรง อัยการสูงสุด กล่าวความคืบหน้าการสั่งคดีทุจริตซื้อขายที่ดินย่านรัชดาภิเษกว่า หลังจากที่ได้รับรายงานความเห็นจากคณะทำงานอัยการ ที่มีนายสมศักดิ์ บุญทอง รองอัยการสูงสุด เป็นประธาน ที่ได้ตรวจสำนวนพยานหลักฐานคดีที่

คตส.กล่าวหา

พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา กระทำผิดกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 100 และ 122 ที่ห้ามเจ้าหน้าที่รัฐหรือคู่สมรส เป็นคู่สัญญาหรือมีส่วน ได้ส่วนเสียทั้งทางตรงและทางอ้อมในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานรัฐ ที่มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 152 และ 83 ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จัดการ ดูแลกิจการใด เข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อประโยชน์สำหรับตัวเองและผู้อื่น ที่มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท

วันนี้จึงมีคำสั่งให้ฟ้อง

พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ตามสำนวนชี้มูลความผิดของ คตส. โดยมอบหมายให้นายเศกสรร บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่าย คดีพิเศษ นำคดีไปยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในวันที่ 21 มิ.ย. นี้ เวลา 10.00 น. โดยท้ายคำฟ้องอัยการจะขอให้ศาลมีคำสั่งยึดที่ดินรัชดาฯ ที่เป็นข้อพิพาท จำนวน 33 ไร่ มูลค่ารวมทั้งสิ้น 772 ล้านบาท ให้ตกเป็นของแผ่นดินด้วย

ไม่มาให้การนัดแรกออกหมายจับ


นายประพันธ์ ทรัพย์แสง ประธานแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เปิดเผยว่า หากอัยการสูงสุดยื่นฟ้องจำเลยในคดีทุจริตซื้อที่ดินรัชดาภิเษกมาฟ้องต่อ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในวันที่ 21 มิ.ย. นี้ ก็ให้เขายื่นฟ้องเข้ามา จะมีตัวจำเลยมาพร้อมคำฟ้องหรือไม่ก็ไม่เป็นไร

แต่โดยหลักแล้วควรเอามา

ส่วนในวันนัดพิจารณานัดแรกเป็นวันที่ถามคำให้การ วันนั้นจำเลยต้องมา ถ้าไม่มาก็ให้ออกหมายจับ และจำหน่ายคดีเฉพาะส่วนของคนที่ไม่มา สำหรับจำเลยที่มาศาลในวันนัดพิจารณานัดแรกก็ให้ยื่นประกันตัวเข้ามา ศาลจะพิจารณาคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวต่อไป

นัดสืบพยานปากแรกคดีภาษีหุ้นชินฯ


วันเดียวกัน ที่ศาลอาญา ศาลนัดสืบพยานโจทก์ ปากแรก ในคดีที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ฟ้องนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ อดีตประธานกรรมการบริหารชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) คุณหญิงพจมาน ชินวัตร และนางกาญจนาภา หงษ์เหิน เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานร่วมกันจงใจหลีกเลี่ยงการชำระภาษีอากรหุ้นบริษัทชินวัตรคอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) มูลค่าหุ้น 738 ล้านบาท และภาษีที่หลีกเลี่ยงจำนวน 546 ล้านบาท โดยความเท็จ โดยฉ้อโกง โดยใช้กลอุบาย อันเป็นความผิดตามประมวลรัษฎากร มาตรา 37 (1) (2) และ ป.หมายอาญามาตรา 83 และ 91

โจทก์นำนายสุวิทย์ มาไพศาลศิลป์

เจ้าหน้าที่บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) ขึ้นเบิกความถึงขั้นตอนที่นายบรรณพจน์ซื้อหุ้นจำนวน 4.5 ล้านหุ้นของกลุ่มชินวัตร ที่มี น.ส.ดวงตา วงศ์ภักดี คนรับใช้คุณหญิงพจมานเป็นผู้ครอบครอง มูลค่าประมาณ 741 ล้านบาท ต่อมานายบรรณพจน์ได้ชำระค่าหุ้นโดยสั่งจ่ายเช็คของธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักรัชโยธิน จำนวน 741 ล้านบาท

ซึ่งเจ้าของเช็คเป็นชื่อคุณหญิงพจมาน

จากนั้นบริษัทได้สั่งจ่ายเช็คขีดคร่อมลงวันที่ 12 พ.ย. 40 ผ่านธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาถนนวิทยุ ระบุชื่อ น.ส.ดวงตา เป็นเงิน 734 ล้านบาท หลังจากหักค่านายหน้าแล้ว

ทนาย โอ๊ค-เอม แจงกรมสรรพากร


นายศานิต ร่างน้อย อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ทนายความตัวแทนของนายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร ได้มาชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับ กรณีการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจำนวน 6,500 ล้านบาท กับฝ่ายกฎหมายของกรมสรรพากรเรียบร้อยแล้ว

หลังจากที่ทนายความของบุคคลทั้งสอง

ได้ขอเลื่อนการชี้แจงรายละเอียดทั้งหมดมาถึง 2 ครั้งแล้ว ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค. มาเป็นวันที่ 30 พ.ค. จนถึงวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้ส่งทนายความมาชี้แจงรายละเอียด แต่ตนไม่ทราบว่าเป็นอย่างไร เพราะเป็นหน้าที่ของฝ่ายกฎหมายที่ต้องไปดำเนินการตามกระบวนการต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงการคลังว่า

วงเงินที่นายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา กรรมการบริษัทแอมเพิลริชฯ ต้องจ่ายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ประกอบด้วยภาษีบุคคลธรรมดาของทั้งสองคน 5,600 ล้านบาท และเงินเพิ่มที่ต้องรับผิดชอบแทนบริษัทแอมเพิลริชฯ จากการไม่หักภาษี ณ ที่จ่าย เพื่อนำส่งให้กรมสรรพากรกว่า 800 ล้านบาท วงเงินทั้งหมดยังไม่นับรวมค่าเบี้ยปรับและดอกเบี้ย ที่หากมีการต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ต่อไปอาจมีวงเงินอาจสูงขึ้นตามระยะเวลาในการพิจารณาของชั้นศาล


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย:

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์