ย้อนคำพูด แม้ว ก่อนกลืนน้ำลาย ยุบสภา

ย้อนคำพูด แม้ว ก่อนกลืนน้ำลาย ยุบสภา

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 24 กุมภาพันธ์ 2549 19:47 น.

ในที่สุด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ตัดสินใจใช้มาตรการยุบสภา เพื่อผ่าทางตันทางการเมือง ที่เขากำลังถูกกดดันอย่างหนัก โดยเฉพาะการชุมนุมใหญ่ของเครือข่ายพันธมิตรประชาชน ในวันที่ 26 ก.พ.นี้ เรามาย้อนดูคำพูดของนายกฯ คนที่ 23 คนนี้ว่า เคยพูดถึงการใช้อำนาจยุบสภา ไว้อย่างไรบ้าง และนี่เป็นอีกครั้งหนึ่งที่พิสูจน์ว่าเขายึดมั่นต่อสัจจะที่เคยให้ไว้เพียงใด

29 กุมภาพันธ์ 2547

ใครฝันจะให้ยุบสภาก็เอาไว้ชาติหน้าตอนสายๆ เพราะวันนี้ผมอดทนต่อการถูกโจมตีทุกรูปแบบ ทั้งๆ ที่ไม่คิดว่าจะอดทนได้ขนาดนี้ ตอนนี้พอเป็นนายกฯ ต้องอดทนมาก แต่รับรองว่าผมอดทน แต่ไม่หน้าด้านแน่นอน

6 มีนาคม 2548

ครั้งนี้ไม่ต้องห่วง ไม่มีอะไรจำเป็นอย่างยิ่งยวดจะไม่มีการยุบสภา รัฐบาลมีอายุครบเทอม 4 ปีเต็มแน่นอน เพราะไม่มีความจำเป็นอะไรเลย เนื่องจากประชาชนให้มาทำงานก็ต้องทำให้เสร็จใน 4 ปี

18 เมษายน 2548

ไม่มีเหตุผล ผมไม่ใช่คนที่ต้องการชิงความได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมืองด้วยการยุบสภาอยู่แล้ว หลักของการยุบสภาก็คือ สภากับรัฐบาลไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ เพราะมีความขัดแย้งกันอย่างสมเกียรติ นี่คือหลักของประชาธิปไตยอย่างแท้จริง แต่รัฐบาลพร้อมจะใช้เฉพาะเกิดกรณีขัดแย้งจริงๆ แต่จะไม่ใช้ในกรณีที่รัฐบาลได้เปรียบ หากยุบสภาแล้วจะทำให้ได้รับการเลือกตั้งที่มากขึ้น เราจะไม่ใช่ตรงนี้เด็ดขาด เพราะแบบนั้นไม่ใช่ผม เอาให้ประชาชนรู้ล่วงหน้าไปเลยว่าเลือกตั้งคราวหน้าก็คืออีก 4 ปี เว้นแต่ระหว่างเกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงระหว่างรัฐบาลกับสภาก็เท่านั้นเอง

18 พฤษภาคม 2548 (ครม.สัญจร จ.บุรีรัมย์ ระหว่างวันที่ 16-17 พฤษภาคม)

ผมขอขอบคุณ 5 แสนกว่าเสียงที่โหวตให้ผม และไทยรักไทยได้เป็นรัฐบาล และอีก 3 ปีกว่าข้างหน้าก็ขอให้ได้เสียงมากกว่าเดิม ที่ต้องบอกว่า 3 ปีกว่าข้างหน้า เพราะกลัวว่าพรรคประชาธิปัตย์จะบอกว่าต้องการหาเสียงล่วงหน้าและคิดว่าจะยุบสภา แต่จริงๆ ไม่ใช่เพราะไทยรักไทยจะอยู่อีกนาน จะอยู่บริหารประเทศอีกเป็นสิบปี บุรีรัมย์ ผมจะมาบ่อยเพราะเป็นจังหวัดที่เลือกพรรคไทยรักไทยยกจังหวัด แต่จะคิดว่านายเนวินชวนให้มาบ่อยๆ ก็ได้

25 พฤษภาคม 2548 (การประชุม ครม.นัดพิเศษ)

ใจผมอยากทำพรรคให้เป็นสถาบัน ครั้งต่อไปจะทำให้ชัดเจน ถ้าใครประสงค์ที่จะไม่อยู่ ไม่มีวินัย ไม่ต้องกลัวว่าผมจะหักหลัง ผมจะเปิดโอกาสให้ย้ายไปอยู่พรรคอื่นได้เลย จะไม่มีการยุบสภา และจะบอกไปตรงๆ ว่าไม่ส่งคุณลงแล้วนะ ให้ลาออกไป ผมอยากให้จากกันด้วยดี

11 มิถุนายน 2548 (จ.เชียงใหม่)

เป็นธรรมดา เมื่อเรื่องเกิดขึ้น ก็ต้องมีการนำเสนอทางสื่อ แต่ขอรับรองว่า จะไม่มีปัญหาต่อเสถียรภาพทางการเมือง และยังไม่มีความจำเป็นอะไร ที่จะต้องมีการยุบสภา หรือมีความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองตามที่มีข่าวลือ เพราะคนที่จะยุบสภาผู้แทนราษฎรได้ คือนายกฯ ซึ่งตอนนี้ยังมีสติดีอยู่ ปัญหาบางเรื่องแก้ได้โดยไม่ต้องจัดการ แต่ในบางครั้งก็ต้องจัดการทันที การจัดการปัญหาถือเป็นศิลปะ

14 มิถุนายน 2548

เรื่องนี้พูดในพรรคชัดเจนแล้วว่า จะไม่ยุบสภา ดังนั้น ใครจะออกหรือย้ายพรรคก่อน 90 วัน สามารถทำได้ รัฐธรรมนูญไม่เป็นอุปสรรค


15 มิถุนายน 2548

เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.ได้พูด สื่อก็พาดหัวข่าวเลย มีโปรโมชั่นบ้าง ท้าทายบ้าง แต่ความจริงแล้วเป็นกติกาในพรรคตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง ตนบอกว่าถ้าใครอยากจะย้ายพรรคไม่ต้องวิตกเนื่องจากจะไม่มีการยุบสภาฯ ดังนั้น คำนวณวันได้เลยก่อน 90 วัน ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดถ้าใครจะออกก่อนหรือย้ายพรรค ไม่เป็นไร เงินเดือนตนจ่ายให้ เพราะไม่ต้องการหักหลังใคร ต้องการตรงไปตรงมา ครั้งนี้ก็เช่นกันคือ ไม่ยุบสภา ฉะนั้น 90 วัน มีเวลาตั้งนานถ้าใครจะออกก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัวเดือดร้อน ระหว่างที่ยังไม่มีเงินเดือน ไปเลือกตั้งใหม่จะดูแลให้ ตนต้องการให้คนที่อยู่ด้วยกันให้มีใจอยากอยู่ ถ้าใจไม่อยากอยู่ก็ไม่เป็นไร

22 พฤศจิกายน 2548 (กล่าวในการประชุมคณะรัฐมนตรี)

ไม่ต้องกลัวอะไร ผมไม่ยุบสภา ไม่ลาออกแน่ อย่าไปกังวลเรื่องของการเมือง โอ๊ยไม่มีอะไร มีเลือกตั้งเดือนเมษายน ปี 2552 แน่ ทำงานให้ดีที่สุด อย่าไปติดหล่ม คืออย่ามัวไปเถียงในเรื่องของการเมือง ยังมีเรื่องดีๆ ที่ต้องทำอีกเยอะ และสังคมยังอยากให้เราทำงานต่อ

30 พฤศจิกายน 2548

ไม่มีแน่นอน จะยุบสภาจะลาออกอยู่ที่ผม วันนี้ผมยังมีสติสัมปชัญญะดีว่าต้องทำงานให้ประชาชนครบ 4 ปี ยิ่งพูดเรื่องปฏิวัติยิ่งไปกันใหญ่ เลอะเทอะ ยุคนี้ไม่มีใครเอาประเทศถอยหลังเข้าคลอง ประชาธิปไตยเดินหน้ามาถึงขนาดนี้มีแต่จะทำอย่างไรให้เข้มแข็งขึ้นไม่ใช่ถอยหลังเข้าคลอง

25 ธันวาคม 2548 นายกฯ พบแท็กซี่

เพราะฉะนั้น คนยุบสภาก็ผม คนลาออกก็ผม ก็ผมไม่ยุบ ไม่ลา เอ็งด่าไปสิ อีก 3 ปีกว่าเจอกันใหม่ เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงขาลง เพราะถ้าขาไม่ลงเดินไม่ได้ ขาขึ้นมันอยู่ห้องไอซียู เพราะฉะนั้นขาลงก็จะเดินมีอะไรไหม เพราะฉะนั้นพี่น้องครับ วันที่ 16 มกราคม ผมจะไปแก้จนให้ดู 3 ปีนี้ต่อไปจะพรึบทั่วประเทศ

30 ธันวาคม 2548

...พรรคจะไม่หักหลังลูกพรรค ใครอยากจะออกจากพรรคก็บอกล่วงหน้าว่าโอเค หรือยุบสภา หรือมีการเลือกตั้งก็จะบอกล่วงหน้า 90 วัน ทุกคนจะได้เตรียมตัวย้ายพรรคก่อน มันจะได้ไม่เป็นการหักหลังซึ่งกันและกัน และถ้าสมมติไม่มีการบอกล่วงหน้ากัน พอยุบสภาตูม เลือกตั้งแล้วไปย้ายพรรคก็เท่ากับคนที่ย้ายพรรคหักหลังพรรค เพราะพรรคไม่มีโอกาสหาคนแทนได้ทัน

ถ้า 90 วัน คือการไม่หักหลังซึ่งกันและกัน เมื่อคุณออกไปเราก็ยังหาคนมาแทนได้ ถ้าแน่จริงต้องมีคนใหม่สู้คุณ ไม่ใช่หักหลังแล้วไม่มีอะไรให้ใครสู้ เหมือนกับที่ว่าเมื่อแอบออกไปแล้วโดยไม่บอกให้ใครรู้ คุณจะได้หาคนมาแทนได้ทัน แล้วคุณก็จะได้เป็นผู้แทนฯ อีก ทั้งๆ ที่ห่วยแตก ดังนั้นขอย้ำว่าเรื่อง 90 วันพรรคจะบอกก่อนแน่นอน ถ้าใครออก พรรคจะหาคนมาแทน มาลงแข่ง ซึ่งเป็นคนใหม่ในนามพรรคเก่า สู้กับคนพรรคเก่าในนามพรรคใหม่ ก็สู้กัน ไม่เห็นเป็นไรเลย และตรงนี้ถือเป็นสัญญาที่ทุกคนสามารถเชื่อมั่นได้แน่นอน

11 มกราคม 2549

ผมประกาศแล้วว่าผมไม่ทำการเมืองจนกว่ากลางปี 51 ผมจะทำงาน 49 50 51 ครึ่งปี ข้างหลังก็ทำงานไปด้วย แต่การเมืองมันเริ่มแล้ว เพราะจะเลือกตั้งปี 52 เพราะฉะนั้นไม่มีการเลือกตั้งแน่นอนจนกว่า เม.ย.52 เพราะฉะนั้นท่านไม่ต้องห่วงเรื่องการเมืองเลย ปล่อยผม เพราะคนลาออกก็ผม ยุบสภาฯ ก็ผม ผมไม่ลา ไม่ยุบแล้วทำไม...


14 มกราคม 2549 (กล่าวในรายการนายกฯ ทักษิณคุยกับประชาชน)

รอชาติหน้าสายๆ ยังไงก็ไม่ลาออก เพราะ 19 ล้านเสียงเป็นคนเลือกผมมา ยอมรับปัญหาของชาติมีเป็นหมื่นอย่างต้องค่อยๆแก้กันไป ไม่เข้าใจว่า พวกเอ็งเป็นใคร อยู่ๆ จะมาไล่ มาเย้วๆ อยู่หน้าทำเนียบมาทำไมตอนกลางคืน ทำไมไม่มาตอนกลางวัน

4 กุมภาพันธ์ 2549 (กล่าวในรายการนายกฯ ทักษิณคุยกับประชาชน)

พี่น้องครับ วันนี้ผมรู้ครับว่าคนส่วนใหญ่ยังอยากให้ผมทำงาน เพราะฉะนั้นผมลาออกไม่ได้ ผมทรยศกับคนที่ต้องการให้ผมทำงานไม่ได้ ถ้าคนส่วนใหญ่ไม่เอาผม อีกเรื่องหนึ่ง คนที่จะให้ผมออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ ไม่ต้องหลายคนครับ คนเดียวให้ออกได้เลย นั่นคือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รับสั่งคำเดียวเท่านั้น ทักษิณออกเถอะ รับรองกราบพระบาทออกแน่นอนครับ ผมไม่ติดยึดหรอกครับ

7 กุมภาพันธ์ 2549 (กล่าวกับผู้มาให้กำลังที่ทำเนียบรัฐบาล)

ผมมาโดยวิถีทางประชาธิปไตย ซึ่งมีฐานมาจากประชาชน ถ้าลาออกหรือยุบสภาก็เท่ากับทรยศประชาชน

8 กุมภาพันธ์ 2549 (กล่าวกับผู้มาให้กำลังที่ทำเนียบรัฐบาล)

... ผมรู้ว่าผมกำลังทำอะไร ผมจะไม่ยอมให้ท่านผิดหวังคำว่า ลาออก คำว่ายุบสภาไม่มีแน่ คนอย่างผมจะยอมพ่ายแพ้เพียงคนดี ถ้าคนอย่างผมพ่ายแพ้คนเลว ผมก็คิดว่าประเทศนี้ไม่มีอะไรเหลือแล้ว

9 กุมภาพันธ์ 2549 (กล่าวกับผู้มาให้กำลังที่ทำเนียบรัฐบาล)

ตราบใดที่พี่น้องส่วนใหญ่ตามระบอบประชาธิปไตยเดินข้างผม จะไม่มีลาออก จะไม่มียุบสภา คนที่จะมาไล่ผมออกต้องมีคุณค่ามากกว่านี้ คนพวกนี้ไม่มีคุณค่าเลย เราหวังว่าผู้ที่คัดค้านแบบไม่มีเหตุผล คงจะฟังเสียงประชาชน อย่าเห็นแก่ตัวมาก ต้องฟังประชาชนเสียงส่วนใหญ่ วันนี้ผมไม่มีอะไรที่วิตกกังวลในชีวิตอีกแล้ว เป็นเรื่องของบ้านเมืองและประชาชนเท่านั้น คำว่าลาออกไม่มี คำว่ายุบสภาปีสองปีไม่มี ...

14 กุมภาพันธ์ 2549 (การประชุมพรรคไทยรักไทย)

... วันนี้ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องจะถอดใจ จะวางมือทางการเมืองง่ายๆ ตราบใดที่ยังไม่สามารถหาคนมารับช่วงต่อ มารับไม้ผลัดดูแลพรรค และเป็นทางเลือกที่ดีให้ประชาชนได้ ก็ยังต้องอยู่ต่อไป การจะมากดดันอะไรไม่มีผล ...

16 กุมภาพันธ์ 2549 (กล่าวในที่ประชุมพรรคไทยรักไทย)

ผมเป็นคนตรงไปตรงมามาก ... ถ้าหากมีกบฏ (ในพรรค) ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่เพียงพอ ถ้าอย่างนั้นก็อาจจะต้องมีการยุบสภา...แต่ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นอย่างนั้นหรอก เพราะ ส.ส.ส่วนใหญ่ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย

19 กุมภาพันธ์ 2549 (กล่าวในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี)

จะไม่มีการลาออกอย่างแน่นอน เพราะจะทำให้เสียระบบ ส่วนการยุบสภานั้น ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ต้องยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินใจในการเลือกตั้งอีกครั้ง

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์