นปช.ประกาศสู้! ดิ้นทวงคืนทีวีแดง บุกยื่นอุทธรณ์กสทช.

นปช.ประกาศสู้! ดิ้นทวงคืนทีวีแดง บุกยื่นอุทธรณ์กสทช.

มีปฏิกิริยาจากกลุ่มคนเสื้อแดงหลังคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (บอร์ด กสท.) สั่งปิดสถานีโทรทัศน์พีซทีวี โดยประกาศอย่างแข็งกร้าวที่จะเดินหน้าเคลื่อนไหวเรียกร้องความเป็นธรรมจากทั่วโลก

โดยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการ “เข้าใจตรงกันนะ”ผ่านสถานีโทรทัศน์พีซทีวีเมื่อวันที่ 28 เมษายนถึงคำสั่งดังกล่าวของกสท.ว่า เป็นปรากฎการณ์ที่มนุษย์สร้างขึ้นและมีธงไว้แล้ว ยืนยันรายการไม่ได้สร้างความแตกแยก ถามว่าความสามัคคีคือการที่ต้องให้คนไทยคิดแบบเดียวกับผู้มีอำนาจ หรือคิดเหมือนกันหมดหรือไม่ ถ้าเป็นแบบนั้นคงเป็นประเทศหุ่นยนต์ ประเทศตุ๊กตา

ลั่นฟ้องให้รู้ทั้งโลก-หาช่องสู้ต่อ

“หากปิดที่นี่ เราก็หาที่พูดที่อื่น เพราะเราเป็นคนไทยเป็นเจ้าของประเทศคนหนึ่งเหมือนกัน ไม่ต้องขยายผล ไม่ได้ตั้งเวทีหรือชุมนุมเคลื่อนไหวใดๆ แต่เราจะเดินตามแนวทางวิถีของเรา จะไม่เล่นตามที่ผู้มีอำนาจขีดเส้นให้เล่น ถ้าไม่มีสถานีก็จะเล่าผ่านช่องทางต่างๆ องค์กรระดับนานาชาติจะเป็นอีกส่วนหนึ่งที่เราจะต้องประสานอธิบายความให้รับทราบโดยรูปแบบใดก็ตาม เอาเป็นว่าปิดพีซทีวีคราวนี้รู้กันทั้งโลก เรามีหัวใจ เราจัดรายการก็พูดตรงนี้ตลอด ไม่มีเกมใต้ดิน คิดอย่างไรก็ดูจากตรงนี้ เขาขอให้ไปเสวนาเราก็ไป จะปีแล้วพอแก้ปัญหาอะไรไม่ได้ ก็หาเรื่องทะเลาะกับเรา” นายณัฐวุฒิ กล่าว

ดักคอเล่นเกมกะอยู่ยาว

และว่า อยากให้ผู้มีอำนาจทำตามโรดแมพ หากมีอุบัติเหตุระหว่างทาง ตนก็มองเรื่องอื่นไม่ได้ นอกจากเกมที่จะอยู่กันยาว ยืนยันการปิดพีซทีวี ไม่ได้ยุติคนเห็นต่างจากผู้มีอำนาจได้ แต่เป็นการเริ่มต้นสถานการณ์บางอย่างที่อยู่ในแผนของบางฝ่ายในขณะนี้ เราไม่ใช่โจรไม่ใช่ผู้ร้าย เรายืนยันกับหลักการที่เราเชื่อ และเชื่อว่าหลักการของเราเป็นหลักการที่คนทั้งโลกเชื่อ

“ตุ๊ดตู่”กร้าวถามเป็นภัยกับใคร

ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.ยืนยันว่า ตลอดเวลาที่จัดรายการมองไกลไม่เคยพูดจาด้วยความสะใจ จึงอยากทราบชื่อคนที่ไปร้อง จะได้พูดคุยให้ถูกว่าอะไรที่เป็นการสร้างความแตกแยกปลุกปั่น เรื่องน้ำเสียงลีลาเป็นบุคลิกส่วนตัว แต่ให้ดูที่เนื้อหา ตนไม่เคยปฏิเสธว่าเราเป็นสื่อเลือกข้าง แต่เราไม่ได้ขาดสติ ตนเคยทักท้วงการปลุกระดมเพื่อให้เกิดลัทธิชาตินิยมคลั่งชาติ จนนำไปสู่ความขัดแย้งกับเพื่อนบ้าน จึงอยากถามว่าตนเป็นเป็นภัยกับความมั่นคงของใคร

ลั่นเดินหน้าสู้จนกว่าหมดลม

“วิธีการปฏิบัติต่อช่องพีซทีวีวันนี้ ต้องการอะไรเหตุผลที่กล่าวอ้างมันเป็นความเท็จ ไม่มีถ้อยคำใดที่จะยุยงปลุกปั่นเป็นภัยต่อความมั่นคง สร้างความแตกแยกในราชอาณาจักร ถ้าไม่อยากได้ยินเสียงผม ไม่สบายรูหู ก็ให้บอกมาจะให้คนอื่นจัดแทน แต่รายการอื่นๆ เขาก็ยังเดินหน้าได้ปกติ อย่างที่ผมบอกว่าถ้าจะฆ่าผม อย่าระเบิดบ้าน เพราะมีคนอื่นอยู่ในบ้านด้วย ถ้าคิดว่าปิดสถานีแล้วทุกอย่างจะจบ นั้นไม่จบ อะไรที่มันไม่ถูกต้อง มันไม่มีวันจบแน่นอน”นายจตุพรกล่าว

และตั้งข้อสังเกตว่า การดำเนินการครั้งนี้รีบฉุกเฉิน ทำผิดขั้นตอนมากมาย หนทางชีวิตของตนกับพวกท่านยังต้องสู้กันอีกนานจนกว่าจะหมดลมหายใจ ใครทำอะไรไว้ จำปากตนไว้ บางคนอาจจะคิดว่าได้เปรียบในทางกฎหมาย แต่ทางกฎแห่งกรรมไม่ได้เปรียบตนแน่ เพราะกฎแห่งกรรมไม่มีสองมาตรฐาน จากนี้เราจะเดินทุกวิถีทางเพื่อทวงหาความยุติธรรมต่อไป

ยื่นกสทช.ทวงคืนทีวีเสื้อแดง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงบ่ายวันเดียวกัน ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ผู้บริหารและผู้ประกาศ สถานีโทรทัศน์ พีซ ทีวี นำโดย นายอนันตศักดิ์ คำเก่าเข้ายื่นหนังสือต่อนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. เพื่อขอความเป็นธรรม โดยขอให้กสทช.ทบทวนเรื่องดังกล่าว และสอบถามเหตุผลการสั่งปิดครั้งนี้

เล็งฟ้องศาลปกครอง-ถวายฎีกา

โดยนายอนันต์ศักดิ์ คำเก่า กรรมการ บริษัท พีซ เทเลวิชั่นเปิดเผยว่า การเข้ายื่นหนังสือครั้งนี้ ขอให้บอร์ด กสท.ทบทวนมติดังกล่าว และเปิดโอกาสให้บริษัทมาชี้แจง สำหรับขั้นตอนต่อไป หาก กสท. และ กสทช.ไม่แก้ไขมติครั้งนี้ ก็จะยื่นฟ้องศาลปกครอง ถ้าถึงที่สุดแล้วไม่ได้รับความเป็นธรรมก็จะยื่นถวายฎีกาต่อไป ยืนยันเนื้อหารายการที่ออกอากาศทางสถานีไม่กระทบความมั่นคง

กสทช.ยันไร้ใบสั่งการเมือง

นายฐากรกล่าวหลังรับหนังสือว่า จากนี้จะนำหนังสือไปยื่นต่อพลอ.อ.ธเรศ ปุณศรี ประธาน กสทช.ว่าจะพิจารณาเรื่องนี้เข้าที่ประชุม คณะกรรมการ กสทช.ครั้งต่อไปหรือไม่ ยืนยันเรื่องนี้บอร์ด กสท.ดำเนินการตามขั้นตอน ไม่มีฝ่ายการเมืองสั่งการ การพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตของช่อง พีซ ทีวี ก็เป็นไปตามที่ช่องดังกล่าว ได้เคยลงนามความร่วมมือกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กสทช.และผู้ประกอบกิจการทีวีหลายแห่ง ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว

“ก่อนหน้านี้เคยตักเตือนสถานีไปหลายครั้ง และมีมติให้ยุติออกอากาศ 7 วัน แต่ครั้งนี้ได้นำเสนอสิ่งที่เข้าข่ายเป็นภัยต่อความมั่นคงซ้ำอีก จึงมีมติให้เพิกถอนใบอนุญาตตามบทลงโทษ มาตรา 37” และยอมรับว่า ช่องทีวีที่ กสทช.มอร์นิเตอร์ทุกช่อง ในประเด็นที่เกี่ยวกับหมิ่นสถาบัน และสร้างความขัดแย้งแตกแยกในสังคม ตอนนี้หลายช่อง อยู่ระหว่างการพิจารณาของกสทช.”นายฐากรระบุ

ดิ้นถอดเทป“เต้น-ตู่”โต้ข้อหายุยง

มีรายงานด้วยว่า เฟซบุ๊คพีซทีวีได้เผยแพร่ http://upload.siamza.com/1915057 คำถอดเทปรายการมองไกลของนายจตุพร เมื่อวันที่18 เมษายนที่ผ่านมา ที่คณะกรรมการกสท.ระบุว่า เป็นเทปที่มีปัญหาขัดเงื่อนไขบันทึกความร่วมมือที่ลงนามกันไว้ จึงส่งผลให้ คณะกรรมการ กสท.มีมติเพิกถอนใบอนุญาติการออกอากาศของช่อง พีซทีวี

4พิธีกรสาวแต่งดำประท้วง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังคณะกรรมการ กสท.มีมติ 4 ต่อ 1 เพิกถอนใบอนุญาตของสถานีโทรทัศน์พีซทีวี 4 พิธีกรสาวของสถานีพีซทีวีแต่งชุดดำออกอากาศ พร้อมแสดงสัญลักษณ์ ปิดหู ปิดตา ปิดปาก และปิดใจ เผยแพร่หน้าจอโทรทัศน์ ทำให้โซเชียลมีเดียเผยแพร่และแชร์ภาพนี้กันอย่างมากมาย พร้อมแสดงความคิดเห็นตำหนิถึงความไม่ถูกต้องในการปฏิบัติหน้าที่ด้วย

นายกฯโยนถามกสทช.เองเอง

ส่วนท่าทีของรัฐบาลและคสช.ในประเด็นดังกล่าว โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์หลังเดินทางกลับจากการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 26 ที่มาเลเซียในช่วงบ่ายถึงประเด็นดังกล่าวว่า ให้ไปถามกสทช.ดู เรื่องที่อดีตนักการเมืองแสดงความเห็นมากเกินไป ตนไม่รู้ ได้มอบให้เขาไปดูแล้ว แต่ขอถามว่า วันนี้สิ่งที่เขาทำขัดแย้งกับคำสั่งคสช.หรือไม่ กสทช.เขามีกติกาไว้แล้ว

จี้สมาคมฯสื่อคุมไม่ได้ก็ยุบไป

“ต่อไปพวกสื่อสิ่งพิมพ์ทั้งหมดให้สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ต้องไปจัดการมา ถ้าทำไม่ได้ก็ยุบไป ผมไม่เคยไปห้ามให้เสนออะไรไม่ได้เลย แต่อะไรที่ขัดแย้งกันแล้วเป็นเรื่องจริงผมไม่ว่า แต่หากไม่ใช่เรื่องจริงต้องสังคายนากันหน่อย”นายกฯระบุ

ซัดสื่อด่าแต่รบ.ไม่ปฎิรูปตัวเอง

ส่วนการปิดพีซทีวีครั้งนี้จะปิดถาวรหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ก่อนหน้านี้ปิดไป 7 วัน เปิดมาก็ทำผิดอีกหรือไม่ ตนเคยบอกแล้วว่า ถ้าไม่ช่วยกันก็ต้องเดือดร้อน ดังนั้น ต้องไปโทษเจ้านายคุณเอง ทั้งบรรณาธิการ เจ้าของโรงพิมพ์ ไปว่ากันเองไม่ใช่ตน เพราะท่านไม่ช่วยเราเลยแต่จะมาปฏิรูปผมอย่างเดียว แล้วทำไมไม่คิดจะปฏิรูปตัวเองบ้าง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังนายกฯให้สัมภาษณ์ได้ย้อนถามผู้สื่อข่าวว่าหลังจากสัมภาษณ์จะพาดหัวข่าววันพรุ่งนี้อย่างไร จะด่ารัฐบาลอีกหรือไม่ เพราะที่ผ่านมามีแต่พาดหัวว่ารัฐบาลโม้ โว ฟุ้งปัด เพราะสื่อยึดติดแต่คำพวกนี้เท่านั้น

ชี้จม.ข่าวรบ.มีแต่เรื่องดีไม่ด่าใคร

พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงกรณีสำนักโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแจกจ่ายจดหมายข่าวรัฐบาลเพื่อประชาชน ฉบับปฐมฤกษ์ ปีที่ 1 วันที่ 28 เมษายนให้สื่อมวลชนประจำทำเนียบฯ เพื่อใช้เผยแพร่ผลงานรัฐบาลว่า ตนเพิ่งเห็นพร้อมผู้สื่อข่าวเช่นกัน และในจดหมายข่าวฉบับนี้ก็ไม่ได้สร้างความเสียหายกับใครหรือไปว่าอะไรให้ใครหรือไม่

“บิ๊กป้อม”นั่งหัวโต๊ะถกครม.

สำหรับจดหมายข่าวรัฐบาล ฉบับแรก ที่นายกฯระบุถึงนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้าวันเดียวกัน กรมประชาสัมพันธ์ ได้จัดพิมพ์เพื่อเผยแพร่ผลงานรัฐบาลและนำมาแจกให้รัฐมนตรี ผู้บริหาร ข้าราชการในสำนักนายกรัฐมนตรี สื่อมวลชน และนำไปไว้ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงาน ก.พ.จำนวน 300เล่ม โดยมีขนาด เอ 3 จำนวน 8 หน้า จัดพิมพ์ 6 หมื่นเล่ม โดยจัดพิมพ์เพื่อแจกจ่ายทุก 15 วัน

“ถวิล”ยันชุดดำต้นตอเหตุรุนแรง

ส่วนการไต่สวนข้อเท็จจริงคดีสั่งสลายการชุมนุมกลุ่ม นปช.ปี 2553 วันเดียวกันนี้ นายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และอดีตเลขาธิการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เข้าให้ถ้อยคำต่อองค์คณะไต่สวนคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ในฐานะพยานของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกกล่าวหาคดีดังกล่าว โดยนายถวิลยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้ใช้ความรุนแรงแม้จะถูกชายชุดดำใช้อาวุธร้ายแรงทำร้ายเจ้าหน้าที่จนเสียชีวิต ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตนั้น ไม่ใช่จำนวน 99 ศพ และไม่ได้เกิดจากเหตุเดียววันเดียวเวลาเดียวสาเหตุที่เสียชีวิตคือ ยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ขณะเข้าไปวางกำลังรอบพื้นที่ชุมนุม

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์แนวหน้า


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์