คดีสนธิปราศรัยหมิ่นเก่งกาจยุติ ฎีกากลับคำพิพากษายกฟ้อง!!

คดีสนธิปราศรัยหมิ่นเก่งกาจยุติ ฎีกากลับคำพิพากษายกฟ้อง!!

เมื่อวันที่ 22 เม.ย.2558  ที่ห้องพิจารณาคดีบัลลังก์ที่ 2 ศาล จ.เชียงราย ผู้พิพากษาศาล จ.เชียงราย

ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา กรณีนายเก่งกาจ ศรีหาสาร อดีตหัวหน้าหน่วยปรับปรุงต้นน้ำแม่สลอง กรมป่าไม้ ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีหมิ่นประมาทต่อนายสนธิ ลิ้มทองกุล กรณีนายสนธิได้ไปปราศรัยที่วัดป่าปะพงนอก จ.ระนอง เมื่อวันที่ 22 ม.ค.2549 ว่าเมื่อมีการจัดเวทีเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ครั้งที่ 15 ที่สวนลุมพินี กรุงเทพฯ นายเก่งกาจได้พาพวกพวกป่าไม้ไปป่วนเวทีปราศรัยดังกล่าวโดยมีการขว้างประทัดยักษ์เข้าไปขณะมีการปราศรัยจนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คน และคดียืดเยื้อจนถึงศาลฎีกาเนื่องจากศาลชั้นต้นและศาลอุธรณ์ได้พิพากษาให้จำคุกนายสนธิมาโดยตลอด
 
ในครั้งนี้ทางผู้พิพากษาได้แจ้งว่าคดีถือเป็นว่าถึงที่สุดแล้ว ดังนั้นกรณีที่จำเลยมีการแจ้งผลการตัดสินของศาลฎีกาในคดีอื่นที่เกี่ยวเนื่องกันมาประกอบด้วยนั้น

 ศาลเห็นว่าไม่เข้ากันเนื่องจากผลการพิจารณาคดีของศาลฎีกาได้ออกมาแล้ว ดังนั้นผู้พิพากษาจึงได้เริ่มอ่านคำพิพากษาเริ่มตั้งแต่การที่นายเก่งกาจเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสนธิ และต่อมาศาลชั้นต้นเห็นว่ามีมูลจึงรับเรื่องไว้ก่อนจะมีการตัดสินว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 ให้จำคุกจำเลยเป็นเวลา 1 ปี ต่อมาจำเลยได้ยื่นอุธรณ์คดีและศาลอุธรณ์ภาค 5 ได้พิจารณาคดีแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 ให้ลงโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือน แต่มีเหตุบรรเทาโทษจึงให้ลดโทษลงเหลือจำคุกเป็นเวลา 1 ปีโดยไม่รอลงอาญา สำหรับกรณีศาลฎีกานั้นได้มีการประชุมปรึกษาหารือกันแล้วและให้ยกฟ้อง โดยจำเลยสามารถตรวจสอบรายละเอียดของคำพิพากษาได้จากสำเนาคำตัดสินของศาลฎีกาได้ต่อไป  ทั้งนี้หลังทราบผลได้มีประชาชนและข้าราชการหลายกลุ่มที่ทราบข่าวได้พากันไปแสดงความยินดีที่บริเวณหน้าศาลด้วย
 
นายสนธิ กล่าวว่า ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาที่อธิบายอย่างชัดเจนแล้วว่านายเก่งกาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่พาคนไปที่เวทีสวนลุมพินี

 ดังนั้นตนจึงมีสิทธิ์ในการป้องกันตนเองได้ ทั้งนี้ตนไม่ดีใจหรือเสียใจใดๆ ที่ชนะในคดีนี้เพราะก่อนหน้านี้ตนได้ทำใจเอาไว้แล้วเพราะศาลชั้นต้นและศาลฎีกาได้พิพากษาให้ตนจำคุกมาแล้ว เมื่อถึงขั้นของศาลฎีกาตนก็พร้อมหากว่าจะต้องมีการรับโทษ ซึ่งตนยืนยันว่าจะไม่หนีเพราะกระบวนการยุติธรรมถือเป็นที่พึ่งของประชาชน แม้ว่าตนอาจจะไม่พอใจในคำตัดสินของศาลชั้นต้นและศาลอุธรณ์แต่ตนก็ไม่ติดใด เพราะถือว่าเป็นคำพิจารณาคดีของศาล แม้ศาลฎีกาจะพิจารณาให้ออกมาอย่างไรตนก็จะไม่หนีและไม่เคยคิดจะหนีอยู่แล้ว และหากกลับไปดูประวัติของตนแล้วไม่เคยมีแม้แต่การแสดงออกว่าจะไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรมโดยทุกครั้งจะยอมรับคำพิพากษา
 
"หากว่าศาลฎีกายืนตามคำพิพากษาเดิมผมก็ไม่มีข้อขัดแย้ง ถ้าตัดสินให้ต้องจำคุกผมก็พร้อมจะเดินเข้าคุกอย่างหน้าตาเฉย เพราะผมมีหน้าที่ในการต้องรักษาเอาไว้ซึ่งกระบวนการยุติธรรมให้คงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์" นายสนธิ กล่าวก่อนจะเดินทางกลับ
 
รายงานข่าวแจ้งว่าก่อนหน้านี้นายเก่งกาจได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องบริษัทแมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

 เป็นจำเลยที่ 1 และมีจำเลยร่วมอีก 5 คนคือนายขุนทอง ลอเสรีวานิช นายสุวัฒน์ ทองธนากุล นายมรุธัช รัตนปรารมย์ นายตุล ศิริกุลพิพัฒน์ และนายวิรัตน์ แสงทองคำ ฐานหมิ่นประมาท ความผิดต่อพระราชบัญญัติการพิมพ์ ภายหลังตีพิมพ์ข่าวกรณีการปราศรัยของนายสนธิดังกล่าว ซึ่งคดีมีลักษณะคล้ายกันคือยืดเยื้อจนถึงขั้นศาลฎีกา กระทั่งวันที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมาศาลฎีกาได้อ่านคำพิพากษาให้ยกฟ้องเช่นกัน.

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์แนวหน้า


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์