'นายกฯ' ย้ำ ประเทศต้องการปฏิรูป รธน.จึงต้องมีกลไกพิเศษ ชี้ ย้อนใช้กติกาเก่าผลออกแบบเดิม ลั่น นักการเมืองต้องเคารพกฎหมาย กร้าวถ้าใช้อำนาจเต็ม นักเคลื่อนไหว ไม่สามารถเขาชนะโรดแม็พได้
เมื่อวันที่ 20 เม.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)
แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงกรณีความคืบหน้าเหตุระเบิดที่ เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ว่า ขณะนี้กำลังตรวจสอบว่ากรณีดังกล่าวอยู่ว่าทำไมถึงได้มีการวางแผนซับซ้อนหลายขั้น เพราะเหตุการณ์ในภาคใต้ เพียงขโมยรถแล้วไปวางระเบิด แต่บังเอิญว่าคนที่เกี่ยวข้องกับกรณีนี้เป็นอดีตส.ส. ส่วนนักการเมืองใหญ่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าวตามที่เป็นข่าวหรือไม่นั้น “เป็นตามที่ท่านรู้ แต่อย่ามาบอกว่าผมพูดแล้วกัน”
เมื่อถามย้ำว่าข้อเท็จจริงเป็นไปตามข่าวที่เผยแพร่ใช่หรือไม่พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า
"ก็ตามข่าวที่คุณเขียน ผมดูตามนั้น แล้วมาตรวจสอบว่าจริงหรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็กำลังตรวจสอบอยู่" ถ้าเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับการเมืองในอดีตที่ผ่านมา ต้องดูว่าเกี่ยวข้องอย่างไร อาจเป็นคนการเมืองที่ต้องการสร้างความไม่สงบให้รัฐบาล หรือเรื่องอิทธิพล และเรื่องธุรกิจส่วนตัวการซื้อรถผีราคาถูก ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ เราให้น้ำหนักในทุกประเด็น
เมื่อถามว่า เหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นมีหลักฐานว่าโยงกับการเมืองและความมั่นคงเช่นนี้ จะกระทบกับโรดแม็พหรือไม่
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า โรดแม็พคือโรดแม็พ ต้องดูว่าปัญหาต่างๆ จะทำให้เดินหน้าต่อไปได้หรือไม่ ถ้าวันนี้ประเทศต้องการปฏิรูปก็จำเป็นต้องมีกลไกพิเศษขึ้นมา เพราะถ้าจะปล่อยให้เป็นแบบเดิม มันก็คงได้ผลแบบเดิม ส่วนคำถามที่ว่า ควรปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง หรือเลือกตั้งก่อนปฏิรูป เป็นสิ่งที่พูดก่อนวันที่ 22 พ.ค. อย่าเอาตรงนั้นมาปนกับตรงนี้ วันนี้จะมาถามกับตนว่าจะปฏิรูปก่อนหรือหลังเลือกตั้งได้อย่างไรก็ได้ เพราะตนควบคุมอำนาจมาแล้ว
เมื่อถามว่ามองกลุ่มการเมืองที่เคลื่อนไหวขณะนี้ว่ามีการขยายตัวอยู่หรือไม่
นายกฯ กล่าวว่า ไม่ใช่การขยายตัว แต่เป็นความพยายามดิ้นรน ต่อสู้ทางการเมืองโดยลืมไปว่ามีกฎหมายต่างๆ คอยควบคุมสถานการณ์อยู่ ใครก็ตามที่จะเข้ามาเป็นนักการเมืองบริหารประเทศต้องเคารพกฎหมาย ถ้ากฎหมายแรงกว่านี้ก็บอกว่าไม่ได้ ละเมิดสิทธิ พอเป็นกฎหมายเบาก็ไม่ฟัง ทั้งนี้ถ้าปฏิรูปแล้วใช้กฎหมายเดิม คนเดิมๆเข้าสู่การเลือกตั้งก็เหมือนเดิม จึงขอฝากสื่อถามนักการเมืองด้วยว่า หากเข้ามาบริหารจะทำอะไรบ้าง แล้วเอามาเทียบกับรัฐบาลนี้ ส่วนที่ฝ่ายการเมืองออกมาแสดงความคิดเห็นมากขึ้นนั้น สามารถทำได้แต่อย่านอกกรอบหรือทำให้วุ่นวาย
เมื่อถามต่อว่า มั่นใจหรือไม่ว่ากลุ่มการเมืองที่เคลื่อนไหวนั้นไม่สามารถเอาชนะโรดแม็พที่วางไว้ได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ถ้าผมใช้อำนาจทั้งหมด ผมมั่นใจอยู่แล้ว แต่จะเกิดเหตุการณ์วุ่นวายหรือไม่ ผมไม่ทราบ อย่าให้ผมจำเป็นต้องใช้แบบนั้น มันมีอีกหลายวิธีการ แต่ประชาชนต้องอยู่กับผม แต่ตอนนี้ยังไม่อยากใช้อำนาจเต็ม และอย่าให้ต้องใช้ ทั้งนี้สื่อก็เป็นเหมือนกรรมการกลางจึงต้องถามทั้งสองฝ่ายว่าจะเล่นตามกติกาหรือไม่ วันนี้ฝ่ายผมเล่นตามกติกาอีกฝ่ายเล่นนอกกติกา มันถึงต้องมีวันนี้ และเมื่อมีการตรวจสอบก็หาว่าไม่เป็นธรรมเล่นข้างเดียว แต่อีกข้างก็มีการตรวจสอบอยู่ เช่น เรื่องก่อการร้ายที่ฟ้องกันอยู่ฝ่าย กปปส. เข้ามอบตัวต่อศาลจึงได้รับการประกันตัว แต่อีกฝ่ายไม่ได้มอบตัว ถ่วงเวลาถึงที่สุด แต่พอมอบตัวเมื่อประกันตัวออกมาแล้ว ก็ออกมาพูดข้างนอกว่าไม่เป็นธรรม ผมถามว่ามันแตกต่างกันไหม นี่ไม่ได้เข้าข้างใคร สังคมต้องตัดสินให้ได้ว่าอะไรคือถูกคือผิด ถ้าจะเอาสิทธิเสรีภาพความเท่าเทียมอย่างเดียวประเทศไปไม่ได้"
เมื่อถามถึงข้อเสนอการเชิญพรรคการเมืองมาลงสัตยาบัน เพื่อยุติความขัดแย้งพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมากฎหมายยังไม่รับกันเลย แล้วจะให้ลงนามอะไร ส่วนที่ทำให้คิดว่าหากมีการเลือกตั้งแล้วบ้านเมืองยังไม่เรียบร้อยนั้น เนื่องจากวิเคราะห์จากสถานการณ์ที่ยังมีการทะเลาะกันอยู่ แต่ต่อไปอาจจะเลือกตั้งได้ก็ได้.