กรณีหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557
มีคำสั่งโยกย้ายนางสุทธศรี วงษ์สมาน พ้นจากปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ไปเป็นเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.), นายพินิติ รตะนานุกูล พ้นจากเลขาธิการ สกศ.ไปเป็นเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.), นพ.กำจร ตติยกวี พ้นจาก เลขาธิการ กกอ.ไปเป็นปลัด ศธ., นายบัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร พ้นจากเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) ไปเป็นผู้ตรวจราชการ ศธ., นายอดินันท์ ปากบารา พ้นจากผู้ตรวจราชการ ศธ.ไปเป็นเลขาธิการ กช.และนางรัตนา ศรีเหรัญ พ้นจากรองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ไปเป็นเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) โดยคำสั่งดังกล่าวนั้้น มีผลตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2558
ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 18 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แหล่งข่าวระดับสูงจากศธ.
เปิดเผยว่า ประเด็นหลัก ๆ ของการโยกย้ายครั้งนี้ เพราะที่ผ่านมาผลงานพัฒนาด้านการศึกษาของศธ. ไม่มีอะไรที่ออกมาเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะที่อยู่ในความรับผิดชอบชองสำนักงานปลัดศธ. ดังนั้น รัฐมนตรีว่าการศธ. จึงเห็นว่าควรจะต้องสลับสับเปลี่ยนให้ผู้ที่เหมาะสมมาทำหน้าที่แทน ซึ่งก็ได้มีการทาบทามนพ.กำจร ให้มานั่งในตำแหน่งปลัดศธ. แทนนางสุทธิศรี แต่หากสลับให้นางสุทธิศรีไปนั่งในตำแหน่งเลขาธิการกกอ. แทน ก็อาจถูกกระแสคัดค้านจากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ดังนั้นเพื่อลดกระแสกดดัน จึงย้ายนายพินิติ ซึ่งเป็นลูกหม้อเก่าสกอ. กลับไปนั่งเป็นเลขาธิการกกอ.แทน ส่วนนางสุทธิศรี ก็ให้ย้ายกลับไปเป็นเลขาธิการสกศ. ซึ่งก็ถือว่าเป็นหน่วยงานเดิมที่มีความเชี่ยวชาญ
แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า อีกประเด็นที่สำคัญคือ การโยกสลับผู้บริหารระดับ11 ของศธ. ครั้งนี้
เพื่อให้ปลัดคนใหม่เข้ามาสางปัญหาการทุจริตภายในสกสค. และองค์การค้า ซึ่งถือว่ามีปัญหาร้องเรียนเกี่ยวความไม่ชอบมาพากลของการดำเนินโครงการต่าง ๆ มาอย่างต่อเนื่องหลายรัฐบาล ทั้งที่ร้องผ่านสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่ร้องมายังรัฐนตรีว่าการศธ.
โดยเฉพาะกรณีปัญหาการทุจริตการก่อสร้างอาคารพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาภาค จ.เชียงใหม่ จำนวน 360 ล้านบาท
และล่าสุดกรณีที่ถูกร้องเรียนว่า บอร์ดสกสค. นำเงินสมาชิกโครงการการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) ซึ่งได้จากดอกเบี้ยที่ครูและบุคลากรทางการศึกษา กู้จากธนาคารออมสิน โดยหักให้กองทุนร้อยละ 50 สตางค์ เพื่อเป็นสวัสดิการช่วยเหลือครูและบุคคลากรทางการศึกษาทั่วประเทศ ปัจจุบันมียอดกว่า 6,000 ล้านบาท ไปลงทุนกับบริษัทเอกชน จำนวน 2,100 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการนำเงิน ไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ รวมถึงกรณีอื่น ๆ แต่ไม่มีรัฐบาลใดสามารถจัดการได้ อีกทั้งนพ.กำจร ถือว่าเป็นบุคคลที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสีย และที่ผ่านมา ได้รับความไว้วางจากจากรัฐบาลค่อนข้างมาก โดยจะเห็นได้จากนพ.กำจร เป็นหนึ่งในซุปเปอร์บอร์ดชุดที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน
เผยเหตุ คสช.ย้ายฟ้าผ่า11ขรก.ระดับสูงศธ. ผลงานไม่เป็นรูปธรรม-ทุจริตสะสม
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวการเมือง เผยเหตุ คสช.ย้ายฟ้าผ่า11ขรก.ระดับสูงศธ. ผลงานไม่เป็นรูปธรรม-ทุจริตสะสม