มาร์ค เสียดาย! รัฐประหาร ทำ ประชาชนลืมพิษประชานิยม เริ่มเรียกร้องจำนำข้าว" อีกรอบ
“มาร์ค”ห่วง เศรษฐกิจฟุบยาว เหตุกำลังซื้อภายในประเทศถดถอย แนะ รัฐทบทวนนโยบาย มุ่งจ้างงานท้องถิ่นกระจายรายได้แทนทุ่มงบเมกกะโปรเจกต์ เสียดาย รัฐประหาร ทำ ปชช.ลืมพิษประชานิยม เริ่มเรียกร้อง “จำนำข้าว” อีกรอบ วอน รัฐให้ความจริงกับประชาชน
เมื่อวันที่ 13 เมษายน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
กล่าวถึงกรณีที่ มรว.ปรีดียาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าเศรษฐกิจมีปัญหาว่า เป็นเรื่องที่ตนสะท้อนมาตลอดว่ามีปัญหาจริงๆ และมองไม่เห็นว่าจะทำให้เศรษฐกิจกระเตื้องขึ้นมาจากทางไหน ซึ่งเท่าที่ตนพูดคุยกับคนทำธุรกิจยืนยันว่าปัญหาหนักกว่าวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ เนื่องจากกำลังซื้อคนในประเทศหายไป และการบริหารของรัฐบาลในการวางนโยบายหลายอย่างไม่สอดคล้องกัน เช่น นโยบายพลังงาน หรือการส่งสัญญาณเรื่องภาษีที่ทำให้ความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายของประชาชนหายไป
ดังนั้นควรทบทวนว่าที่ผ่านมาท่าทีของรัฐบาลมีส่วนทำให้เกิดปัญหาแค่ไหนและจะแก้ปัญหาอย่างไร
เพราะแนวคิดกระตุ้นเศรษฐกิจมักคิดในกรอบเดิม ๆ ซึ่งในยุคปัจจุบันได้ผลน้อยมาก เช่น คิดว่าจะใช้งบประมาณภาครัฐเข้าไปกระตุ้นด้วยการทำโครงการ ทั้งที่เงินเหล่านั้นออกช้าและหมุนเวียนอยู่ในคนไม่กี่คน จึงอยากให้คิดว่าถ้าพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจควรทำโครงการที่เกิดความหมุนเวียนเร็วขึ้น เช่น การท่องเที่ยว ทำให้คนในท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วม โดยการจ้างคนในชุมชนจะทำให้มีการกระจายรายได้และมีกำลังซื้อกลับไปที่ประชาชนทันที ซึ่งแตกต่างจากการทำโครงสร้างพื้นฐานที่ผู้รับเหมาได้ประโยชน์
“ปัญหาที่ทำให้เศรษฐกิจซบเซาเพราะประชาชนไม่มีกำลังซื้อนั้น ยังเกิดจากปัญหาจำนำข้าวที่เป็นภาระด้านการเงินและรัฐบาลยังไม่สามารถหารายได้ทดแทนให้กับเกษตรกรได้ ความจริงถ้าไม่มีการรัฐประหาร แต่รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังบริหารงานต่อถึงจุดหนึ่งก็ต้องยุติโครงการจำนำข้าว เพราะไม่มีงบประมาณเพียงพอ สิ่งที่เสียดายคือหากปล่อยให้รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์บริหารประเทศต่อไป โครงการนี้จะพังในมือของรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ และประชาชนจะได้เรียนรู้ถึงพิษภัยของประชานิยมด้วยตัวเอง ซึ่งจะมีผลต่อการตัดสินใจต่อการเลือกตั้งในอนาคต แต่พอมีการรัฐประหาร ชาวนาก็ลืมปัญหาจำนำข้าว โดยมีการวิจัยพบว่า ต้องการโครงการจำนำข้าวกลับมาอีก ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายเพราะเท่ากับเราวนอยู่กับปัญหาเดิม เนื่องจากไม่มีการให้ข้อมูลที่เป็นจริงกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง”นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นาย อภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า เป็นห่วงแนวคิดที่จะมีการเสนอให้ยกเลิกการเปิดเสรีนำเข้าพ่อ แม่ พันธุ์ไก่ไข่ที่สมัยพรรคประชาธิปัตย์ เป็นรัฐบาล เคยมีมติไว้
เพื่อกลับไปล็อคโควต้านำเข้าเหมือนเดิมจนเกิดปัญหาการผูกขาด ซึ่งข้อมูลที่ให้เกี่ยวกับราคาไข่ไก่สับสนมาโดยตลอด บางช่วงราคาลดลงก็โทษว่าเพราะเปิดเสรี ทั้งที่ช่วงเวลานั้นยังไม่มีการนำเข้า แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ล้มเสรีราคาไข่ไก่ก็กลับเพิ่มสูงขึ้น จึงอยากให้รัฐบาลเอาใจใส่ว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวสะท้อนความเป็นจริงของ ตลาดหรือมีความพยายามที่จะชี้นำตลาดโดยการผูกขาดของคนกลุ่มหนึ่ง ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำคือการแก้ปัญหากฎหมายการแข่งขันทางการค้า เพื่อลดปัญหาการผูกขาด จึงอยากให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาเรื่องนี้อย่างจริงจังไม่เช่นนั้นจะเป็นวงจร อย่างนี้ไม่จบไม่สิ้น ส่วนที่นายกรัฐมนตรีระบุว่า แก้ปัญหาเศรษฐกิจได้มากกว่ารัฐบาลประชาธิปัตย์นั้น ตนไม่ขอตอบโต้เพราะตัวเลขทางเศรษฐกิจจะเป็นเครื่องชี้วัดความสามารถในการแก้ ปัญหาเศรษฐกิจเองว่าคลี่คลายปัญหาได้ดีเพียงใด