"กุนซือป้อม" แย้มไทยจ่อซื้อ "ฮ.รัสเซีย" เพื่อใช้ ดับไฟป่า-ขนส่ง-ลำเลียง-บรรเทาสาธารณภัย ดัดหลังที่เคยซื้อจาก "มะกัน" แต่ตั้งแง่ ทำกับไทยเป็น "เมืองขึ้น" แนะคนอเมริกันจี้ "รัฐบาลโอบา" มาเลิกก้าวก่าย
หลังจากนายไพศาล พืชมงคล กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา
ระบุถึงการปรับยุทธศาสตร์ด้านต่างประเทศของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยตอนท้ายกล่าวอย่างมีนัยว่า "อีกไม่กี่วันจะมีข่าวใหญ่" นั้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 เม.ย. นายไพศาล ระบุผ่านเฟซบุ๊กอีกครั้ง โดยตั้งคำถามว่า "ถ้าไทยจะซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จากรัสเซียก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใช่ไหม?" โดยมีเนื้อหาที่น่าสนใจคือ
"1.แต่ก่อนมา ไทยซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จากอเมริกา แต่การซื้อนี้ อเมริกาเรียกว่า "การให้ความช่วยเหลือทางทหาร" เวลาซื้ออะไหล่หรือซ่อมบำรุง ก็เรียกว่าการให้ความช่วยเหลือทางทหารอีก แปลกไหมพี่น้อง
2.เมื่อกลับจริง จากซื้อขายเป็นลวงว่า การให้ความช่วยเหลือทางทหาร ดังนั้นจะซื้อขายกันแต่ละที ก็ตั้งเงื่้อนไขมากมาย ราวกับไทยเป็น "เมืองขึ้น" ทหารที่รู้จักศักดิ์ศรีก็ทนไม่ไหว จึงหาทางจัดซื้อจากประเทศอื่นๆ มาโดยลำดับ แม้ปานนั้น ไทยก็ยังแสดงไมตรีต้องการซื้อจากอเมริกาด้วย
3.ครั้นมีการยึดอำนาจ อเมริกาอ้างระบบและนโยบายตัดความช่วยเหลือทางทหารแก่ไทย และประจวบกับปีงบประมาณ 2558 เข้ามา 7 เดือนแล้ว และไทยมีความจำเป็นต้องจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์มากเป็นพิเศษเพื่อชดเชยที่เสื่อมสภาพไป เพราะถูกนักการเมืองทอดทิ้งมานาน จึงจำเป็นต้องจัดซื้อจากที่อื่น แม้ว่าใจไทยยังดำรงมิตรไมตรีกับอเมริกาซึ่งชาวอเมริกันพึงเข้าใจให้ถ่องแท้
4.ไทยยามนี้กองทัพต้องเข้าช่วยสารพัด ทั้งดับไฟป่า ขนส่ง ลำเลียง บรรเทาสาธารณภัย ของจำเป็นมากคือ "เฮลิคอปเตอร์" ขนาดใหญ่ ซึ่งในโลกนี้รัสเซียมีความก้าวหน้ามากกว่าใคร ในขณะที่จีนก็ได้ผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ก้าวหน้ามากมาย
เหตุนี้หากไทยจะซื้อจากรัสเซีย จีน จะแปลกไหมครับ และถ้าเป็นเช่นนี้จะทำให้ ไทย พม่า ลาว กัมพูชา เวียตนาม เป็นกลุ่มประเทศที่ใช้อาวุธยุทโธปกรณ์จากจีน รัสเซีย มากที่สุดในย่านนี้
5.อเมริกานั่นแหละที่จะเสียหายมากกว่าใคร เพราะต่อไปภายหน้า นอกจากการใช้ดอลล่าร์จะลดลงจนน่าใจหายแล้ว อาวุธยุทโธปกรณ์จากอเมริกาก็จะหมดไปจากย่านนี้ด้วย
6.คนไทยต้องการความเข้าใจ ไมตรีจิตและมิตรภาพกับชาวอเมริกันเช่นเดิมครับ
ดังนั้นชาวอเมริกันจึงต้องบอกรัฐบาลโอบามาว่า หยุดก้าวก่ายแทรกแซงไทยได้แล้ว เลิกเอาประเทศเป็นสินค้าและบริการให้กับพวกล็อบบี้ยิสต์ได้แล้ว"
นายไพศาล ยังระบุด้วยว่า "วันนี้เช้า 2 นายกรัฐมนตรีไทย-รัสเซีย จะพบปะกันอย่างเป็นทางการครั้งประวัติศาสตร์
มีรายงานข่าวแล้วว่าจะมีการลงนามความความตกลงถึง 10 ฉบับ เป็นข้อตกลงระหว่างรัฐบาล 5 ฉบับ กับเอกชน 5 ฉบับ เป็นการยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างกันครั้งใหญ่ที่สุดแบบ "ทุกมิติ" พึงสังเกตว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มประเทศองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ และกลุ่ม brics มากเป็นพิเศษ เพียง 7-8 เดือนได้พบกับประธานาธิปดีสีจิ้นผิงแล้ว 2 ครั้ง นายกฯหลี่เค่อเสียง 4 ครั้ง นายกฯรัสเซีย 2 ครั้ง นายกฯโมดีของอินเดีย ส่งคนสนิทที่ปรึกษาพิเศษเป็นทูตพิเศษมาพบแล้ว 1 ครั้ง ส่วนญี่ปุ่นเกาหลี อาเซี่ยนนั้นปึ๊กอยู่แล้วโดยธรรมชาติ คาดว่านายกฯรัสเซียจะเชิญพล.อ.ประยุทธ์ไปร่วมพิธีฉลองชัยชนะของกองทัพรัสเซียต่อกองทัพนาซีในปีนี้ด้วย แต่จะสะดวกหรือไม่ ข้อยบ่ฮู้เช้านี้เช่นกันรองนายกฯประวิตร เป็นประธานงานสำคัญของกลาโหม เสร็จแล้วต้องรีบบึ่งไปสนามบินนำคณะเหินฟ้าเข้าปักกิ่ง จิบเหมาไถกับสหายจีนให้ครึกครื้นความสำคัญของการดื่มสุรา ไม่ได้อยู่ที่ว่าสุราดีหรือไม่ แต่อยู่ที่ว่าดื่มกับใคร หากดื่มกับสหายที่รู้ใจ สุราอะไรก็เป็นสุราดี-ซิยิ่นกุ้ย"
อีกด้านหนึ่ง สำนักข่าวต่างประเทศได้รายงานภารกิจการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของ "ดมิตรี เมดเวเดฟ" นายกรัฐมนตรีรัสเซีย
ซึ่งเดินทางมาเยือนไทย เมื่อวันอังคารที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจเยือนกระชับความสัมพันธ์กับเวียดนามนาน 3 วัน โดยสำนักข่าว "แชนเนลนิวส์เอเชีย" ของสิงคโปร์และ "รอยเตอร์" ระบุตรงกันว่า การเยือนของ "เมดเวเดฟ" ครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่รัฐบาลไทย ซึ่งมาจากการก่อรัฐประหารเกือบ 1 ปีก่อน ถูกโลกตะวันตกกดดันและวิจารณ์อย่างหนัก ภายหลังยกเลิกกฎอัยการศึกของไทย โดยเปลี่ยนมาใช้อำนาจเข้มงวดตามมาตรา 44 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และคณะปกครองจากกองทัพไทยหวังจะใช้การเยือนของผู้นำรัสเซียขับเน้นการสนับสนุนระหว่างประเทศ ส่วนรัสเซียก็ต้องการขยายโอกาสทางการค้าในเอเชีย หลังจากถูกสหภาพยุโรปและสหรัฐคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ เพื่อลงโทษที่ผนวกแคว้นไครเมียของยูเครนเข้าเป็นของตนเมื่อปีที่แล้ว