นายกฯฟัน100ขรก.เอง 5อธิบดีหวิว มีชื่อในบัญชีเอี่ยวทุจริต ปปช.ชงเชือดบิ๊กท้องถิ่น ชี้มีปลัดอปท.โดนด้วย ดันคดีรุกที่รัฐเข้าศอตช. อ.พนัสติงอย่าลำเอียง
ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ซึ่งมี พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธาน เตรียมนำรายชื่อข้าราชการระดับต่างๆ ประมาณ 100 รายชื่อ ที่พัวพันการทุจริตคอร์รัปชั่น เสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) ในสัปดาห์นี้ เพื่อพิจารณาส่งไปยังต้นสังกัดเพื่อให้โยกย้ายออกจากตำแหน่ง รอการสอบสวนทางวินัยและดำเนินคดีอาญา
ล่าสุดเมื่อวันที่ 5 เมษายน มีรายงานข่าวว่า ขณะนี้นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.)
นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
ขณะที่นายสรรเสริญกล่าวว่า พล.อ.ไพบูลย์มีนโยบายว่าหากเป็นเรื่องข้าราชการที่อยู่ระหว่างดำเนินการสอบสวนหรือคดียังไม่สิ้นสุด
ด้านนายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร ให้สัมภาษณ์ว่ากรมสรรพากรไม่มีการส่งรายชื่อไปยัง ศอตช. หากจะมีการส่งไปน่าจะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังดำเนินการ
"เรื่องนี้ผมไม่ทราบ ไม่มีแจ้งว่าให้ส่งอะไร ส่วนคดีการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) จากการส่งออกและขายใบกำกับภาษีปลอม ได้ส่งเรื่องไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งส่งต่อให้ ป.ป.ช. ก็เป็นเรื่องทางนั้น กรมไม่เข้าไปก้าวล่วง กรมส่งข้อมูลไปหมดแล้ว อยู่ที่ทางนั้นดำเนินการ" นายประสงค์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้พยายามติดต่อนายสมชัย สัจจพงษ์ อธิบดีกรมศุลกากร เพื่อสอบถามความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าวที่มีการระบุถึงคดีทุจริตรถหรูของกรมศุลกากรด้วย แต่ไม่สามารถติดต่อได้
นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) กล่าวว่า องค์กรมีคณะทำงานเพื่อทำงานร่วมกับชุดของ พล.อ.ไพบูลย์ ขณะที่ในส่วนของ สปช.ก็มีการวางแนวทางแก้ไขปัญหาการทุจริตของข้าราชการ และวางกรอบป้องกันไว้สำหรับในอนาคต อาทิ การป้องกันการจัดซื้อจัดจ้างที่ต้องเปิดเผยให้ประชาชนได้รับรู้ โดยจะสังคายนาครั้งใหญ่ระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ยกร่าง พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างใหม่ เพื่อให้ประชาชนและบุคคลภายนอก อาทิ ผู้ทรงคุณวุฒิเข้าไปร่วมในการตรวจสอบโครงการขนาดใหญ่ ใช้เงินงบประมาณจำนวนมาก เพื่อป้องกันการทุจริตของข้าราชการ รวมถึงการแก้ไขพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของทางราชการ พ.ศ.2540 ให้มีบทบาทมากขึ้น
"สำหรับการป้องกันปราบปราม เราจะเสนอปรับปรุงการทำงานของ ป.ป.ท.และ ป.ป.ช. ที่ตัวกรรมการ ป.ป.ช.ควรมีความหลากหลายทางด้านความรู้ความสามารถ และจะต้องมีการปรับวิธีการทำงาน โดยอาจจะต้องมีการมอบหมายสำนักเลขาธิการ ป.ป.ช.เป็นผู้ตรวจสอบเฉพาะคดีทั่วไปที่ไม่ใช่คดีของข้าราชการระดับสูง ส่วนกรรมการ ป.ป.ช.ควรลงมาตรวจสอบคดีเรื่องใหญ่ๆ โดยเฉพาะคดีของข้าราชการระดับสูง" นายประมนต์กล่าว
นายพนัส ทัศนียานนท์ อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า การดำเนินการของ ศอ.ตช.
"ไม่ทราบว่าที่ออกคำสั่งมานี่จะลงโทษอะไรได้หรือเปล่า ถ้าหากว่าลงโทษเลยคิดว่าทำไม่ได้ แต่ถ้าหากว่าสั่งย้ายคิดว่าทำได้ แต่การโยกย้ายเดี๋ยวมีปัญหาเหมือนคุณถวิล เปลี่ยนศรี (อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ) อีก ถ้าหากมีการตั้งธงเอาไว้ว่าจะมีการย้ายคนนี้ โดยไม่มีเหตุผลอื่นๆ นอกจากข้อกล่าวหาว่าเขาทุจริต แล้วไม่มีหลักฐานอย่างอื่น นอกจากข้อกล่าวหาโดยไม่มีการสอบสวน น่าจะก่อให้เกิดปัญหาได้" นายพนัสกล่าว