นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย อดีตส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะแกนนำกปปส. กล่าวถึงกรณีการประกาศใช้ มาตรา 44
ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2557 ของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยเฉพาะเรื่องเสรีภาพของสื่อมวลชนว่า ตนไม่คิดว่าการใช้อำนาจ มาตรา 44 จะมีปัญหา ถ้าสื่อมวลชนเสนอข่าวตามปกติ แต่ในกรณีที่มีการสั่งปิดโทรทัศน์ดาวเทียมบางช่องนั้น รัฐบาลก็ชี้แจงแล้วว่าก่อนจะสั่งปิดจะมีหนังสือเตือนก่อนจากทางกสทช. เพื่อให้ปรับปรุงเนื้อหา แต่เมื่อยังขัดต่อคำสั่งกสทช.ก็จะถูกสั่งปิด ก็เห็นว่าคณะผู้ยึดอำนาจยังดำเนินอยู่ในกรอบของการปฏิรูปประเทศ ยังไม่มีการใช้อำนาจตามอำเภอใจ แต่ในทางกลับกันได้มีสื่อบางที่วิจารณ์รัฐบาลอย่างโจ่งแจ้งแต่ก็ไม่ได้ถูกสั่งปิดแต่อย่างใด ถ้าเทียบกับในสมัยที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ จะให้มีการจัดการกับสื่อ ซึ่งหนักกว่าสมัยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) มาก ขณะนั้นมีการสั่งปิดไปหลายรายการพิธีกรก็ถูกถอดออกไปหลายคน
ส่วนกรณีที่สหรัฐอเมริกาออกมาวิพากษ์วิจารณ์การใช้ มาตรา 44 นั้น เห็นว่าสหรัฐฯตี 2 หน้า เช่นในอดีตประเทศอียิปต์
มีเหตุการณ์รัฐประหารโค่นอำนาจอดีตประธานาธิบดีโมฮาเหม็ด มอร์ซี แต่สหรัฐฯกลับไม่กล้าใช้คำว่า รัฐประหาร แต่ใช้คำการแทรกแซงโดยทหารแทน หรือ Military intervention ตนจึงอยากจะถามกลับไปว่า ที่อียิปต์นั้นต่างอะไรกับสถานการณ์ของประเทศไทย หรือเพราะว่าในประเทศไทยสหรัฐฯเลือกข้าง โดยเลือกที่จะส่งทูตไปพบกับกลุ่มคนเสื้อแดง ตนจึงเห็นด้วยกับคำพูดของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาว่า อย่าตัดเสื้อตัวเดียวให้คนทั้งโลก ซึ่งสหรัฐไม่มีสิทธิ์มาวิจารณ์ประเทศไทย หากจะวิจารณ์รัฐบาลไทยว่ามีการคุกคามสื่อ เหตุใดประเทศสิงคโปร์ในสมัยยุค ลี กวน ยู ปกครองมีการจัดการกับสื่อมากมายรวมทั้งสื่อต่างประเทศ แต่สหรัฐฯกลับไม่พูดอะไร