เมื่อวันที่ 3 เม.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวตอนหนึ่งในระหว่างเป็นประธานการประชุมมอบนโยบายและการประกาศวาระแห่งชาติ เรื่อง “การป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์” ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการปราบปรามการค้ามนุษย์ เป็นวาระแห่งชาติ วันนี้เรามีปัญหาทั้งในและนอกประเทศ อย่ามองเพียงมิติเดียวคือการควบคุมอำนาจ วันนี้ทุกคนต้องช่วยกันสร้างความเข้าใจ ที่ผ่านมาอาจไม่สามารถสร้างการยอมรับได้ ทุกอย่างตนยอมรับคนเดียว และในเรื่องการค้ามนุษย์ ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศมหาอำนาจ จึงจำเป็นต้องยอมรับพันธสัญญาต่างๆ ที่บอกว่ารัฐบาลเข้ามาเป็นปี แต่ทำอะไรไม่ได้นั้น ต้องมองว่าปัญหาที่เกิดมีมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่ผ่านมาถ้ามีการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง จะมีปัญหาอีกหรือ วันนี้ตนยังต้องขึ้นทะเบียนแรงงานอีกกว่า 1.6 ล้านคน ดังนั้นทุกคนต้องช่วยกันแก้ปัญหาอย่างจริงจัง ข้าราชการคนใดขัดขืน หรือเรียกผลประโยชน์ต้องไม่มีที่ยืนในสังคม และต้องลงโทษ จะเพียงแค่ทางวินัยไม่ได้ ต้องมีการไล่ออก ให้ออก และหาหลักฐานเพื่อดำเนินคดีอาญา
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า การค้ามนุษย์ไม่ใช่แค่การค้าแรงงาน แต่ต้องดูแลเรื่องการค้าประเวณี และขอทานเด็กด้วย เขาเตือนเรามาเป็น 10 ปี ที่เราทำไปยังไม่พอ แค่รายงานแล้วพูดไม่ได้ ต้องแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ส่วนเรื่องการค้าประเวณี อย่ามองว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ เพราะมันเกิดปัญหาจากความเหลื่อมล้ำ ความยากจน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องช่วยกันแก้ปัญหา เชื่อว่าไม่มีใครสมัครใจ แต่เขาทำ เพราะความจำเป็น เรื่องโสเภณีและขอทานบริเวณตลาดไทย ในเขตปทุมธานี ตนได้คาดโทษไปนานแล้ว ภายใน 1 เดือนจากนี้ต้องไม่มีอีก นี่ถือเป็นการใช้อำนาจอย่างสร้างสรรค์ และยืนยันว่ารัฐบาลจะช่วยเหลือ และพาคนไทยที่ติดค้างอยู่ในทุกประเทศกลับมาให้ได้
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า วันนี้เราต้องแก้ที่จุดเริ่มต้นของปัญหาทั้งหมด เช่น สถานบริการที่เปิดเกินเวลา จากนี้ไปต้องปิดตี 2 ตนเชื่อมั่นในตำรวจ แต่ถ้ามีปัญหาก็ให้ปิดตั้งแต่เช้า และจะมาอ้างการท่องเที่ยวไม่ได้ ต้องจัดระเบียบใหม่ จะปล่อยให้ออกมาเรียกลูกค้าหน้าร้านไม่ได้ ในต่างประเทศเขาก็มีการจัดระเบียบ รวมถึงต้องกวดขันสื่อลามกด้วย และวิธีการทำคดีความเกี่ยวกับค้ามนุษย์ ก็จะต้องทำให้รวดเร็วขึ้น ส่วนกระทรวงการต่างประเทศ ก็ต้องชี้แจงทำความเข้าใจกับต่างชาติในเรื่องเหล่านี้