นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่ม นปช. คนเสื้อแดง โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊คเพจชื่อ “Jatuporn Prompan - จตุพร พรหมพันธุ์” เกี่ยวกับมาตรา 44 ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 57 ว่า เหมือนกับมาตรา 17 ในสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ จนถึงจอมพลถนอม กิตติขจร กระทั่งนายสัญญา ธรรมศักดิ์ และเหมือนมาตรา 27 ในการรัฐประหารปี 2534 และปี 2549 เป็นการใช้อำนาจของรัฎฐาธิปัตย์ ของ หัวหน้า คสช. เหนือกฎหมายทุกฉบับ เป็นอันตรายสำหรับประชาชน การใช้กฎอัยการศึกนั้นเป็นคณะในการใช้ปฏิบัติ แต่มาตรา 44 อำนาจก็จะอยู่ที่คนประกาศใช้เพียงแค่คนเดียว
“ข้าพเจ้าคือกฎ กฎคือข้าพเจ้า คำพูดของข้าพเจ้าเป็นกฎ ดังเช่นอำนาจของมาตรา 17 ในสมัยจอมพลสฤษดิ์ ที่จะประหารชีวิตใครก็ได้ ภายใต้วาทกรรมว่า ข้าพเจ้าขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ดังเช่นการแก้ไขปัญหาไฟไหม้ช่วงตรุษจีน ด้วยการสั่งประหารชีวิตบ้านที่เป็นต้นเพลิงที่เกิดเหตุ จับโจรผู้ร้ายมาประหารชีวิตกลางสนามหลวงหรือศาลากลาง และให้คนไทยมามุงดูในขณะยิงเป้า จับคนที่มีความคิดเห็นต่างทางการเมือง เช่น ครูครอง จันดาวงศ์ที่สกลนคร และสั่งยิงเป้าที่สนามบินสว่างแดนดิน เป้าหมายให้คนมาดูการประหารชีวิตเกิดความกลัว ภายใต้วาทกรรมว่า ข้าพเจ้าขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว”
นายจตุพร กล่าวด้วยว่า ในรัฐธรรมนูญปี 2558 ที่กำลังยกร่างฯอยู่ในขณะนี้ มีความพยายามที่จะคงไว้ซึ่งอำนาจรัฎฐาธิปัตย์ต่อไปอีก 5 ปี ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อประชาชนและตัวผู้ใช้เอง เพราะเป้าทั้งปวงก็จะอยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา ในฐานะผู้มีอำนาจเต็ม การยกเลิกกฎอัยการศึกแล้วมาเจอมาตรา 44 เปรียบดั่งหนีเสือปะจระเข้ มันก็ตายทั้งคู่ และต้องยอมรับว่า เราไม่สามารถใช้มาตรา 44 ตบตานานาชาติได้ และยิ่งใช้อำนาจที่มาจากการยึดอำนาจ และเป็นอำนาจที่รวบไว้ที่หัวหน้า คสช.เพียงคนเดียว นานาชาติก็จะพุ่งเป้ามาที่คนๆเดียวแทน