นายกบอกปรองดองต้องไม่บังคับลุยฟื้นศก.ขู่ฟันทุจริต
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวการเมือง นายกบอกปรองดองต้องไม่บังคับลุยฟื้นศก.ขู่ฟันทุจริต
นายกบอกปรองดองต้องไม่บังคับลุยฟื้นศก.ขู่ฟันทุจริต
นายกรัฐมนตรี บอกเยือนบรูไนกระชับร่วมมือการค้า ลงทุน เกษตรกรรม ย้ำไม่ได้เป็นศัตรูกับสื่อ อาจมีความผิดพลาดในการสื่อสาร ปรองดอง ต้องไม่มีการบังคับ - ลุยฟื้นเศรษฐกิจ ขู่ฟันทุจริต
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” ทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ว่า ในนามของรัฐบาลและประชาชนชาวไทยขอแสดงความเสียใจอย่างที่สุดกับพี่น้องประชาชนชาวสิงคโปร์ที่ต้องสูญเสีย "นายลี กวน ยู" เอกบุรุษของประเทศ อดีตนายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ที่ได้รับการยกย่องให้เป็น “บิดาผู้ก่อตั้งประเทศ ถึงแก่อสัญกรรม พร้อมกับยกย่องว่า เป็นคนที่มีวิสัยทัศน์ยาวไกลนำพาความเจริญรุ่งเรือง มายังประเทศ และ
มั่นใจว่า ฯพณฯ ท่าน นายลี กวน ยู ยังคงจะได้รับความจดจำว่าเป็นผู้นำที่สร้างแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของเอเชีย และจะได้เดินทางไปเคารพศพในวันอาทิตย์นี้
นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวถึงการเดินทางเยือนประเทศบรูไนอย่างเป็นทางการ ซึ่งได้เข้าเฝ้ารับเสด็จสมเด็จพระราชาธิบดีอย่างใกล้ชิด โดยสมเด็จพระราชาธิบดี ได้ถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ และ พระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ให้ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง จากนั้น ได้มีการหารือทวิภาคีในหลายประเด็นที่สำคัญ อาทิ การกระชับความร่วมมือทางด้านการค้า การลงทุน มีการลงนามกรอบความร่วมมือด้านการเกษตรกรรม การกระชับความร่วมมือทางด้านอุตสาหกรรม
อาหารฮาลาล เป็นต้น
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการศึกษาเป็นอย่างมาก ได้แต่งตั้งคณะกรรมการนโยบาย
และพัฒนาการศึกษา เพื่อทำหน้าที่เป็นซูเปอร์บอร์ด ในการร่วมกันหารือ และขับเคลื่อนการดำเนินงานวางรากฐานเพื่อส่งต่อไปยังรัฐบาลในอนาคต ทั้งในด้านการศึกษา การปรับหลักสูตร การพัฒนาคุณภาพครูและผู้เรียน ให้มีความสอดคล้องกับการพัฒนาในพื้น เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ กระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาค ตลอดจนต้องกำหนดการพัฒนาเส้นทางอาชีพของครูด้วย และพัฒนาการศึกษาเข้ากับเงื่อนไขของการส่งเสริมการลงทุนด้วย
นอกจากนี้ รัฐบาล ยังให้ความสำคัญกับเรื่อง “ชุมชนเข้มแข็ง” เพื่อให้ชุมชนที่มีขีดความสามารถในการใช้ศักยภาพของตนเอง เข้าแก้ไขจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นในชุมชนได้ มีการเรียนรู้ร่วมกันอย่างต่อเนื่อง คนในชุมชนสามารถพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันได้
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังเร่งทำเศรษฐกิจชุมชนที่เป็นตลาดภายในประเทศ ในทุกภูมิภาค ทุกจังหวัด เป็นลักษณะให้เกษตรกรมาขายสินค้าเกษตรให้กับประชาชน ซึ่งมีอยู่ 2,000 กว่าแห่งแล้ว ทั้งนี้ ในส่วนของเกษตรกรยังอยู่ในภาวะที่น่าเป็นห่วง เพราะราคาผลิตผลตกต่ำ คงจะต้องแก้ไขระบบให้ได้โดยเร็ว โดยกำลังเตรียมการเพื่อจะช่วยเหลือดูแล พร้อมสั่งให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงเกษตรฯ ไปหารือกันอยู่ ขณะในเรื่องของต่างประเทศผมก็พูดคุยกับท่าน สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไน ด้วยบอกให้ช่วยตรงนี้ด้วย ในฐานะที่ท่านเป็นผู้นำอาวุโสสูงสุดในอาเซียน ว่าทำอย่างไรอาเซียนจะพูดคุยกันได้ ในเรื่องของจำหน่ายขายสินค้า เพราะถ้าแข่งขันกันเองทั้งหมดยิ่งไปไม่ได้ทั้งหมด ราคาก็ตกไปเรื่อย ๆ โดยต้องรวมกลุ่มกันให้ได้ ทุกประเทศไม่ใช่แค่ 2-3 ประเทศ ทุกประเทศที่มีการปลูกยาง ปลูกข้าวต่าง ๆ เพราะเราไม่ใช่คู่แข่งขันกันแล้ววันนี้เราเป็นพันธมิตร หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์
อย่างไรก็ตาม ขอฝากให้สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ร่วมมือกับภาครัฐ ตั้งแต่การเริ่มต้น แก้ไขปัญหา รับทราบปัญหาร่วมกัน ทำงานสอดประสานช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างห่วงโซ่ ห่วงโซ่ทางอาหาร ห่วงโซ่เศรษฐกิจสีเขียว อุตสาหกรรมสีเขียว ให้ต่อเนื่องเชื่อมโยงชุมชน ท้องถิ่น ภูมิภาค ประเทศ แต่ปัจจุบันตนเองยังเห็นในหนังสือพิมพ์ต่าง ๆ สมาคมผู้ประกอบการต่าง ๆ ได้ให้สัมภาษณ์ว่ารัฐบาลไม่ทำอะไรเลย ซึ่งยอมรับว่าเสียใจ และเมื่อวานนี้ ได้มอบหมายให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าไปแก้ไขปัญหา ที่สำคัญขอให้มีการติดตามผลงานด้วย พร้อมมองว่าการกระทำดังกล่าวมีผลกับความเชื่อมั่น ทำให้ไม่มีใครกล้าลงทุน
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเองไม่ได้เป็นศัตรูกับสื่อ เพราะสื่อต้องมีหน้าที่ต้องคอยแจ้งเตือนเมื่อเห็นการทุจริตผิดกฎหมาย สื่อต้องคอยเตือนประชาชน เมื่อมีนักการเมือง ข้าราชการโกงทุจริต ไม่ใช่สื่อมาทำให้เกิดความระแวงกันเอง บางครั้งอาจจะมีความผิดพลาดบ้างในการติดต่อสื่อสาร อาจจะมีที่ไม่ตรง ไม่เข้าใจกันบ้าง ก็ให้อภัยกัน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังฝากถึงประชาชนว่า ให้ทำอะไรก็ให้บอกมา จะให้หนักกว่านี้ หรือเบากว่านี้ ใช้อำนาจมากกว่านี้ก็ได้ จะรับไปพิจารณายืนยันเมื่อเข้ามาทำหน้าที่แล้วก็หวังที่จะประสบความสำเร็จ แต่การปฏิรูปไม่ได้จบภายใน 1 ปี แค่ลดความขัดแย้ง คิดไว้ว่าจะทำอะไปต่อไปในวันข้างหน้า เช่นเดียวกับการสร้างความปรองดอง ทุกคนต้องมีจิตใจอยากปรองดอง ไม่ใช่ถูกบังคับ
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!