กรณีที่นายวิชา มหาคุณ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจรติแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ระบุว่าสามารถใช้มาตรา 100 ของพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 เอาผิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เรื่องการซื้อที่ดินรัชดาฯ จนต้องไปอยู่นอกประเทศ หากจะกลับมาเมืองไทย ก็กลับได้แต่ต้องไปอยู่ที่เรือนจำนั้น ความภูมิใจของนายวิชา ไม่เหนือความคาดหมาย แต่อยากให้ตั้งข้อสังเกตว่าเป็นความภูมิใจที่ออกมาในช่วงที่มีการต่ออายุของ ป.ป.ช. คงต้องการที่จะแสดงใบเสร็จอธิบายถึงผลสัมฤทธิ์ของงานเพื่อขออายุต่อไป โดยเหตุผลที่ ป.ป.ช.ระบุถึงความจำเป็นต้องต่ออายุนั้น เพราะต้องการดำเนินคดีต่างๆ ให้ลุล่วง แม้นายวิชา ไม่อธิบายให้ชัดว่างานอะไรที่ ป.ป.ช.ยังทำไม่ลุล่วง แต่เป็นที่ชัดเจนว่า เป็นงานที่มุ่งเอาผิดกับกลุ่มการเมืองที่มีชุดความคิดที่ตรงกันข้ามกับนาย วิชา
หากจะมีผลงานต้องเป็นผลงานที่ไร้ซึ่งข้อคำ ถาม ไร้ข้อกังขา และควรนำข้อกฎหมายมาเป็นเครื่องมือเพื่อนำความปรองดองมาสู่สังคม ขอเรียกร้องไม่ให้นำข้อกฎหมายไปใช้แบบสองมาตรฐาน คือปล่อยอีกฝ่าย แต่เร่งรัดคดีกับอีกฝ่าย อาทิ โครงการคดีจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เปรียบเสมือนนั่งรถไฟชินคันเซ็น แต่คดีโครงการประกันราคาข้าวของนายอภิสิทธิ์ กับทำเอกสารหายและอ้างว่าน้ำท่วม
ระบุว่าดอกไม้เหี่ยวบางดอกก็ต้องเด็ดทิ้งไป ภายหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองรับฟ้องคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ กรณีปล่อยปละละเลยโครงการรับจำนำข้าวให้เกิดการทุจริตว่า แม้จะมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไปว่าพล.อ.ประยุทธ์ ต้องการส่งสัญญาณ แต่ตนยังคิดในแง่ดีว่าด้วยความที่พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้นำ พูดเยอะ มีความรู้หลายเรื่อง บางเรื่องอาจถูกคนหยิบยกไปขยายเป็นประเด็น แต่เรื่องดอกไม้มองว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ส่งสัญญาณอะไร และยังเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะเข้ามาเพื่อคืนความสุข นำร้อยยิ้มกลับสู่สังคม ฝากถึงกองเชียร์หรือบรรดาคนที่จะนำประเด็นที่นายกฯ พูดไปขยายความต่อขอให้ระมัดระวังด้วย แต่ในมุมของพรรคเพื่อไทยไม่ได้คิดว่าเป็นการส่งสัญญาณ คิดว่าเป็นเพียงอิริยาบถ และวาทกรรมหนึ่งของพล.อ.ประยุทธ์ เท่านั้น ไม่อยากให้ทุกฝ่ายไปตีความให้เกิดความแตกแยกในสังคม