กองทัพขู่ม็อบอย่าดึง สถาบัน-กองทัพ มาเกี่ยวข้องกับการเมือง
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 3 เมษายน 2549 21:09 น.
ผบ.สส.ระบุ หาก นายสนธิ ฟ้องร้อง ผบ.เหล่าทัพ ก็เป็นสิทธิทำได้ แต่อย่าล้ำเส้นกติกาต้องว่ากันตามกฎหมาย ประเมินม็อบไม่น่าจะรุนแรงหลังเลือกตั้ง ด้าน ผบ.ทบ.ย้ำผู้ชุมนุมควรลดการเคลื่อนไหว เพราะเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยแล้ว เผย ควรหยุดดึงสถาบันและกองทัพ มาเกี่ยวข้อง ลั่นความขัดแย้งมันเกินไปแล้ว ให้ทุกคนสำนึกความเป็นไทยหยุดเสียที
วันนี้ (3 เม.ย.) เวลา 11.00 น.พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เปิดเผยถึงกรณีที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ หนึ่งในแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะฟ้องร้องผู้บัญชาการเหล่าทัพ ที่กล่าวหาว่า หมิ่นสถาบันเบื้องสูง ว่า ตนไม่รู้เรื่อง ใครจะฟ้องใครเป็นเรื่องของแต่ละคน ไม่เกี่ยวกัน ซึ่งแล้วแต่นายสนธิ เพราะใครจะฟ้องกับใครก็ได้ทั้งนั้น อยู่ในดุลยพินิจของแต่ละคน
ทั้งนี้ ไม่น่าจะมีปัญหา หากฟ้องก็ฟ้องไป เพราะไม่ได้ใช้กำลังรุนแรง หากทุกอย่างอยู่ในความสงบ โดยเฉพาะการชุมนุมถือเป็นสิทธิของแต่ละบุคคลที่สามารถทำได้ แต่อย่าให้ล้ำเส้นเกินกติกา มันไม่ถูกต้อง ซึ่งทุกวันนี้การชุมนุมก็สงบดี เชื่อว่า ไม่น่าจะมีปัญหา ส่วนการพูดพาดพิงก็ต้องว่ากันไปตามกฏหมาย หากเห็นว่าเขาล้ำเส้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากการเลือกตั้งกองทัพจะมีการติดตามสถานการณ์บ้านเมืองอย่างไร พล.อ.เรืองโรจน์ กล่าวว่า เรื่องการเมืองไม่อยากพูด เพราะยังไม่เกิดเรื่องอะไรสักอย่าง ไว้ให้เกิดก่อนแล้วค่อยคุยกัน ส่วนการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯในวันที่ 7 เมษายนนั้น ทางกองทัพก็เตรียมมาตรการรักษาความปลอดภัยเหมือนเดิม ไม่มีอะไรพิเศษ แต่จากการวิเคราะห์ไม่น่าจะรุนแรงไปกว่าเดิม เพราะไม่เห็นมีอะไร และสถานการณ์ขณะนี้ยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไร เพราะการชุมนุมมีการปราศรัยตามปกติ
เมื่อถามว่า เกรงหรือไม่ว่าผลการเลือกตั้งที่ยังไม่เป็นรูปธรรมกลุ่มผู้ชุมนุมจะจุดชนวนความรุนแรง พล.อ.เรืองโรจน์ กล่าวว่า เป็นเพียงแค่คาดเดากัน ขอให้เกิดเรื่องก่อนแล้วค่อยว่ากัน เมื่อถามว่า นายสนธิ พยายามดึงกองทัพเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมือง พล.อ.เรืองโรจน์ กล่าวว่า ไม่เห็นมีอะไร
ด้าน พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมยังยืนยันที่จะมีการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 7 เมษายนนี้ ว่า กองทัพบกกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งตนไม่อยากให้มีการขยายมากไปกว่าที่เป็นอยู่ ควรจะพยายามลดลง เพราะทุกอย่างเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยแล้ว ทั้งนี้ อยากเรียนว่า การเมืองต้องแก้กันด้วยการเมือง แต่การนำเบื้องสูงหรือกองทัพออกมา ควรจะหยุดได้แล้ว
การที่ผมออกมาเสนอ เพียงแต่ว่าทุกคนคงต้องหยุด ในการที่จะเอากองทัพกับสถาบันเข้ามาเกี่ยวข้อง ปัญหาทุกอย่างจะต้องแก้ไปตามระบบของการเมือง ซึ่งทุกอย่างจะไปได้ ส่วนกรณีที่นายสนธิระบุว่ากองทัพเข้าข้างรัฐบาลมากเกินไปนั้น ผมเจตนาพูด คือ อย่าดึงสถาบันลงไปเท่านั้นเอง ฉะนั้น การดึงสถาบันลงไปจะทำให้ทุกฝ่ายจะเกิดมีปัญหาเพิ่มมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสนธิ ไม่พอใจที่ผู้บัญชาการทหารบกออกมาให้สัมภาษณ์ให้ฝ่ายผู้ชุมนุมยุติ และพูดทำนองว่าผู้บัญชาการทหารบกไม่เป็นลูกผู้ชาย พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ตนไม่ได้ยิน และไม่ได้อ่านตรงนั้น แต่เจตนาของตน คือ อยากให้การเมืองไปว่ากันเอง วันนี้คิดว่าทุกคนคงทราบเจตนาที่ได้พูดไป ขอให้เราได้อยู่เป็นกลางในฐานะที่เป็นทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นเจตนาเพียงเท่านั้นเอง
เมื่อถามว่า เจตนาของท่านไม่อยากให้กลุ่มผู้ชุมนุม หรือฝ่ายรัฐบาลดึงทหารเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมือง พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ตนไม่ได้พูดถึงว่ารัฐบาลเพียงแต่ม็อบแต่ละฝ่าย อย่าดึงทหารลงไปและอย่าอ้างสถาบัน ตนพูดแค่นี้และเจตนาก็ต้องการแค่นี้ เวลานี้คิดว่าทุกท่านคงจะต้องตระหนักตรงนี้
ต่อข้อถามว่า หากกลุ่มผู้ชุมนุมยังพยายามดึงสถาบันลงมาเกี่ยวข้อง ทหารจะดำเนินการอย่างไรต่อไป พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ตนไม่อยากให้ความขัดแย้งที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศขยายตัวไปมากกว่านี้ ดังนั้น เราทุกคนต้องใช้ดุลยพินิจ ใช้วิจารณญาณในการวิเคราะห์ว่าเราควรจะขยายอีกหรือไม่ ซึ่งคิดว่ามันเกินไปแล้ว หมายความว่า ความขัดแย้งในประเทศมันเกิดมากขึ้น ซึ่งทุกคนควรจะต้องหันกลับมาสำนึกในความเป็นคนไทย และรักประเทศให้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
ขณะนี้มีภาพความรู้สึกของคนไทยที่จงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์มากขึ้น ถือว่าเป็นพลังที่สูงส่งในการที่จะทำให้ประเทศเรามีความมั่นคงอยู่ ดังนั้น ขอให้ประชาชนคนไทยทุกคนที่มีเลือด มีวิญญาณของความเป็นคนไทย ได้มาเป็นแรงอันหนึ่งที่จะทำให้ทุกคนหยุดเสียที
เมื่อถามว่า อยากจะฝากอะไรถึง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และ นายสนธิ ในฐานะเป็นแกนนำผู้ชุมนุม พล.อ.สนธิ กล่าวว่า คงไม่ต้อง ท่านคงทราบเจตนาที่ตนพูดไปอยู่แล้ว เมื่อถามว่า กลุ่มผู้ชุมนุมยังมีท่าทีไม่ยุติ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า อยู่ในระบอบประชาธิปไตยที่ท่านสามารถทำได้ก็แล้วแต่ท่าน ตนคงไปห้ามใครไม่ได้ เพียงแต่ว่าขอให้ทุกคนได้สำนึกความเป็นประเทศ ตนเรียนไปคราวที่แล้วเรื่องของสังคมไทยเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง ตนอยากให้หันกลับมาตามวัฒนธรรมประเพณีของเราที่เคยเป็นอย่างไร ก็อยากให้เป็นอย่างนั้น