′ประวิตร′ตอกกลับ กลุ่มต้านพลเมืองขึ้นศาลทหาร ควรมีสำนึกในตนเอง

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในวันนี้

 โดยไปในนามคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศปต. เพื่อตรวจเยี่ยมการทำงานของศูนย์อํานวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต. รวมถึงตรวจเยี่ยมศูนย์อำนวยการโครงการพาคนกลับบ้าน โดยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.)

โดยคณะเดินทางนั้นพร้อมด้วยพล.อ.อุดมเอก สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายอนุสิษฐ คุณากร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. เพื่อตรวจดูความก้าวหน้าของการดำเนินงาน

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร เปิดเผยว่า สถานการณ์การก่อเหตุโดยภาพรวมลดลง แต่ยังไม่หมดไป

 โดยให้กอ.รมน.ภาค4 ส่วนหน้า ร่วมกับศอ.บต.สร้างความปลอดภัย และให้เกิดการมีส่วนร่วมระหว่างประชาชน เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ เพื่อให้เกิดความสงบมากขึ้น นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงข้อเสนอของนายไพบูลย์ นิติตะวัน กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เสนอแนวทางสร้างความปรองดอง ด้วยการนิรโทษกรรมให้แก่ประชาชนที่ชุมนุมทางการเมืองแล้วทำผิดคดีอาญา ยกเว้นคดีอาญาที่ทำให้ถึงแก่ชีวิต เผา การทุจริตคอร์รัปชัน และการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จะนิรโทษกรรมไม่ได้

โดยตนเห็นว่า ถ้าทุกฝ่ายคุยกันในเรื่องที่ไม่มีความร้ายแรง ถ้าประชาชนรับได้

ตนก็ไม่ขัดข้อง และให้เสนอกฎหมายผ่านสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. หากทุกฝ่ายต้องรักกัน อะไรก็ทำได้ นอกจากอะไรที่ผิดกฎหมายร้ายแรง หากทุกฝ่ายยอมรับ ก็เห็นด้วย ส่วนในเรื่่องของการตั้งคนกลางนั้น สามารถทำได้ ถ้าทุกฝ่ายยอมรับ แต่ห้ามผิดกฎหมายประเทศ โดยย้ำว่าทำได้ ถ้าประชาชนยอมรับทั้งประเทศ

ทั้งนี้ ในกรณีการนำพลเรือนขึ้นศาลทหาร ระบุว่า เรื่องกฎหมายเป็นเรื่องสำคัญ ที่ผ่านมาได้ผ่อนปรนทุกเรื่อง บังคับใช้แต่ผู้ทำให้เกิดเหตุไม่สงบ เพื่อให้เกิดปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สิน ผ่านการประสานความร่วมมือของประชาชน เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร และมองว่าเรื่องนี้กลุ่มที่เคลื่อนไหวต่อต้านการห้ามพลเรือนขึ้นศาลทหาร ไม่ควรมาร้องขอ แต่ต้องเข้าใจรัฐบาลด้วย ที่กำลังแก้ปัญหาช่วยคนรายได้น้อย ต้องมีจิตสำนึกในตนเอง เพราะคนในชาติต้องการความรักสามัคคีและให้มีการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ