พท.ซัดเก็บภาษีบ้านซ้ำเติมทุกข์ ปชช.

พท.ค้านเก็บภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง เหมือนคนไทยต้องเช่าแผ่นดินอยู่ เชื่อทำคนเดือดร้อนหนัก ส่งผลเศรษฐกิจหยุดชะงัก

เมื่อวันที่ 10 มี.ค.นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน และคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า

พรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วยกับการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เพราะจะสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนเป็นจำนวนมาก และอาจจะทำให้ประชาชนที่ไม่สามารถจ่ายภาษีดังกล่าวได้ ต้องขายที่ดินและบ้าน เพื่อมาจ่ายภาษี ทั้งนี้ในอดีตก็มีเคยมีแนวคิดนี้ แต่หลังจากพิจารณาแล้วพบว่าจะทำให้ประชาชนที่มีรายได้น้อยไม่สามารถอยู่ร่วม กับประชาชนที่มีรายได้มากได้ แต่รัฐสามารถเก็บภาษีเมื่อมีการซื้อขายทรัพย์สินดังกล่าวอยู่แล้ว และสามารถจัดเก็บได้มากในภาวะที่เศรษฐกิจดี หลักคิดในเรื่องภาษีนั้น รัฐควรเก็บภาษีใหม่หรือขึ้นภาษีในภาวะที่เศรษฐกิจดี เพราะนอกจากรัฐจะได้รายได้เพิ่มแล้ว รัฐจะยังได้ช่วยลดทอนความร้อนแรงของเศรษฐกิจด้วย แต่ในภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ รัฐจะต้องทำตรงข้ามคือ ต้องลดภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะหากเศรษฐกิจยิ่งฟุบลง แทนที่รัฐจะได้รายได้มากขึ้น รัฐกลับจะได้รายได้รวมที่น้อยลงจากการเพิ่มภาษี ดังนั้นแนวคิดการเก็บภาษีเพิ่มในขณะนี้ จึงอาจจะทำให้เศรษฐกิจที่ย่ำแย่อยู่แล้ว แย่ยิ่งไปอีก เหมือนกับรถยนต์ที่เร่งเครื่องไม่ขึ้น แล้วยังไปเหยียบเบรกอีก จะทำให้เศรษฐกิจหยุดชะงัก สิ่งที่รัฐบาลควรเร่งทำเพื่อหารายได้ คือการฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน เร่งสร้างความมั่นใจจากต่างประเทศมากกว่า

ด้านนายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ อดีต ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า แนวความคิดในการที่จัดเก็บภาษีบ้านและคอนโด

ย่อมส่งผลกระทบต่อประชาชนอย่างแน่นอน เพราะลักษณะการออกกฎหมายนี้เปรียบเสมือนคนไทยต้องเช่าแผ่นดินอยู่ บรรพบุรุษของเราเสียเลือดเนื้อเพื่อให้ลูกหลานไทยได้อยู่กันอย่างสบาย การปรับโครงสร้างภาษีแบบนี้ คนรวยต้องเสียภาษีเยอะขึ้น แต่ก็ไม่กระทบอะไรมาก แต่สำหรับคนที่ฐานะปานกลางลงไป กว่าจะเก็บหอมรอบริบผ่อนบ้านผ่อนคอนโดแต่ละเดือนก็สาหัสแล้ว ยังต้องมาเจอภาษีขูดรีดอีก รับรองประชาชนได้สำลักความสุขกันแน่ ช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดี สินค้าอุปโภคบริโภคต่าง ๆ มีราคาสูงมาก รัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ย่อมไม่เข้าใจความทุกข์ร้อนของประชาชน และข้อกล่าวหาที่ระบุว่ารัฐบาลเลือกตั้งไม่ดำเนินการเรื่องนี้ เพราะกลัวเสียคะแนนนั้น ต้องบอกว่าไม่ใช่ แต่เรารับฟังความรู้สึกและความเดือดร้อนของประชาชน.