นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กสุริยะใส กตะศิลา วันที่ 9 มีนาคมว่า
เพรียกหาประชาธิปไตย แต่ฝักไฝ่ความรุนแรง!
การแถลงจับกุมคนร้ายและการขยายผลเครือข่ายร่วมขบวนการระเบิดหน้าศาลอาญารัชดา แม้จะไม่ทำให้เกิดความเสียหายมากมายอะไร แต่ถ้าดูเนื้อนัยของการก่อเหตุครั้งนี้ มีประเด็นที่ตัองคิดกันและอาจถึงขั้นทบทวนกระบวนการปรองดองให้ถูกที่ถูกทางมากขึ้น ดังนี้
1. อุดมการณ์ของขบวนการนี้ที่เรียกว่า สู้เพื่อประชาธิปไตย หมายถึงรูปแบบสหพันธรัฐ ที่ไม่ใช่รูปแบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
2. ขบวนการนี้มีเป้าหมายชัดเจนในการสร้างความรุนแรงต่อเนื่องทั้งในเมืองหลวงและต่างจังหวัดเพื่อให้เกิดสภาวะ "Fail State หรือรัฐล้มเหลว" วุ่นวาย ไร้ระเบียบ จนสหประชาชติหรือ UN ต้องเข้ามาแทรกแซงกิจการภายใน
3. ขบวนการนี้มีเครือข่าย ทั้งในและนอกประเทศ มีการฝึกปรือ มีอาวุธ ท่อน้ำเลี้ยงพร้อม เมื่อสบช่องพร้อมก่อเหตุได้ตลอดเวลา และพิสูจน์ชัดว่าอาวุธที่ คสช.ไล่จับมาทั้งปียังเหลืออีกอื้อ
4.จุดโจมตีเริ่มพุ่งเป้าไปที่ศาลถี่ขึ้น เพื่อเขย่าอำนาจตุลาการซึ่งเป็นหัวใจของระบบการเมืองการปกครอง กระทั่งในที่ชุมชนคนพลุกพล่าน เช่น หน้าสยามพารากอน ผบ.ตร.ก็ยืนยันว่าคนร้ายเป็นเครือข่ายเดียวกัน
5.การปรากฎชื่อของบรรดาบิ๊กๆ ที่คนร้ายพาดพิง แม้อาจไม่รู้เห็นหรือเกี่ยวข้องโดยตรงแต่ก็ยอมรับแล้วว่าเป็นคนรู้จักกัน กลุ่มเดียวกัน อาจแบ่งภารกิจกันทำโดยไม่รวมศูนย์บงการที่ใครคนเดียวก็ย่อมได้
สภาวการณ์ที่กล่าวมาข้างต้น บ่งชี้ว่ามีคนบางส่วนปฏิเสธกระบวนการปรองดอง ซ้ำร้ายยังยึดถือแนวทางความรุนแรงต่อไป เพื่อบรรลุจุดมุ่งหมายแห่งอุดมการณ์ คนพวกนี้มาไกลถึงขั้นเชื่อว่า "ความรุนแรง" คือคำตอบสู่สังคมแห่งอุดมการณ์
ผมย้ำและยังยืนยันครับว่าส่วนตัวผมเห็นด้วยและสนับสนุนกระบวนการปรองดองสมานฉันท์ แต่ต้องไม่ใช่กับกลุ่มคนที่ถือลัทธิความรุนแรงแบบนี้ ต้องแยกคนกลุ่มนี้ออกไป ที่สำคัญพวกที่ตีสองหน้า หรือปากว่าตาขยิบ ปากเพรียกหาเสรีภาพ แต่มือยังถือระเบิด
คนพวกนี้หรือที่สังคมควรให้อภัย!