2 มี.ค. 58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย และบุตรสาว พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง
โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊คเพจแสดงความคิดเห็นถึงเรื่องที่มาส.ว.และส.ส. ว่า หากพูดถึงที่มาของส.ส. จากเดิม 500 คน จะลดลงเหลือไม่เกิน 470 คน โดยจำนวนส.ส.เขตจาก 375 คน (ประชากร 160,000 : 1 ส.ส.) จะเหลือเพียง 250 คน (ประชากร 260,000 : 1 ส.ส.) เห็นแบบนี้แล้ว พูดตรงๆ นะคะ คนที่เสียหายมากที่สุดคือประชาชน ไม่ใช่ ส.ส.จริงอยู่ว่าจำนวนส.ส. แบบบัญชีรายชื่อเพิ่มมากขึ้น และลดจำนวนส.ส.แบ่งเขตลง นอกจากงานนิติบัญญัติซึ่งเป็นงานหลักของส.ส. แล้ว การยึดโยงกับประชาชนในพื้นที่นั้นก็สำคัญ ส.ส.แบ่งเขตเข้าถึงประชาชนได้ดีกว่าหลายเท่า ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อก็ช่วยในส่วนนี้ได้บ้างแต่ไม่ทั้งหมด ถึงแม้เดียร์จะไม่เคยเป็นส.ส.แบบแบ่งเขต แต่พี่ๆเพื่อนๆที่สนิทกันต่างเป็นส.ส.เขตกันทั้งนั้น เรื่องร้องเรียน เรื่องทุกข์ร้อน การแก้ไขปัญหาความเป็นอยู่ ใครๆก็วิ่งเข้าหาส.ส.พื้นที่ตัวเอง บางครั้งพี่ๆ บางคนยังโดนคนในพื้นที่บ่นว่าไม่เห็นหน้าเลย ทั้งๆ ที่ทำงานตัวเป็นเกลียว แต่ในอีกแง่หนึ่ง อนาคตรัฐธรรมนูญใหม่ที่ร่างอยู่นี้ ส.ส. 1 คน อาจต้องแยกเป็น 10 ร่าง ถึงจะเข้าถึงคนในพื้นที่ 260,000 คนได้
แม้คณะผู้ร่างรธน. จะให้เหตุผลว่า อยากให้พรรคเล็กพรรคน้อยมีโอกาสเข้ามาเป็นตัวแทนในสภา
แต่ถ้าย้อนไปสมัยปี 2540 หลายๆท่านที่มีบทบาทในการร่างรธน.ตอนนี้ ออกมาคัดค้านการมีพรรคเล็กด้วยซ้ำ ให้เหตุผลว่าจะทำให้รัฐบาลขาดเสถียรภาพ แต่มาตอนนี้กลับสนับสนุนให้ใช้วิธีแบบสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ลืมนึกไปรึเปล่า ว่าพรรคเล็กพรรคน้อยนี้ซื้อเสียงให้โหวตผ่านกฎหมายง่ายกว่าพรรคใหญ่หลายเท่า ที่เขาชอบบอกกันว่า ส.ส. หนีไปเข้าห้องน้ำก่อนมาโหวตลงคะแนนผ่านร่างกฎหมาย
น.ส.ขัตติยา ระบุต่อว่า ส่วนที่มาของส.ว. นั้น ให้มาจากการสรรหาของกลุ่มบุคคล
แต่มาบังคับให้คนพูดว่ามาจากการเลือกตั้งทางอ้อม ที่ผ่านมา ครึ่งหนึ่งของส.ว. มาจากการเลือกตั้งทางตรง ยอมรับว่าประชาชนแต่ละพื้นที่สบายขึ้นเยอะ แม้ที่ผ่านมาส.ว. จะมีหน้าที่เพื่อคัดกรองกฎหมายที่ส่งมาจากส.ส. ก็ตาม แต่การทำหน้าที่อื่นๆของส.ว.เลือกตั้งก็ไม่บกพร่องและแทบไม่ต่างจากส.ส. เลย ทั้งการลงพื้นที่แนะนำตัว การรับเรื่องราวร้องเรียน การปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ เพราะทั้งส.ส.และส.ว. ที่มาจากการเลือกตั้งนั้น “นอกจากการเข้ามาเป็นตัวแทนพี่น้องประชาชนแล้ว การทำงานเพื่อตอบแทนทุกคะแนนเสียงของประชาชนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด” เป็นตัวสะท้อนความต้องการของประชาชนได้ดี
แต่เมื่อรธน. ใหม่ที่กำลังร่างกันอยู่นั้น จะเป็นการสรรหา ส.ว.จากกลุ่มบุคคล ที่แทบไม่มีการยึดโยงหรือสัมผัสกับประชาชนแม้แต่น้อย
แล้วอะไรจะเป็นตัวค้ำประกันหล่ะคะ ว่าคนเหล่านี้จะเข้ามาเพื่อประโยชน์ของประชาชนจริงๆ ไม่ใช่เข้ามาเพื่อประโยชน์ของตัวเอง แถมมีอำนาจล้นเหลือจนขี้เกียจจะพูดถึงในโพสนี้ คิดไปคิดมา ถ้าอยากเป็นส.ว. ก็แค่ซื้อเสียงกรรมการสรรหาด้วยกันเอง จ่ายน้อยกว่าซื้อเสียงประชาชนในพื้นที่อีก สรุปคือเอาคนที่ได้จากการสรรหา มาควบคุมทุกอย่าง จากคนที่มาจากประชาชน ถ้ากรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญรับเงินเดือนตั้งหลายบาท แต่คิดได้แค่นี้ ก็น่าสงสารคนไทยและประเทศไทยค่ะ
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
