อดีตบิ๊กจำปีเขียนจม.ฟ้องบิ๊กตู่ แฉเหตุเจ๊ง-สอนมารยาทผู้บริหาร

23 ก.พ.58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายโยธิน ภมรมนตรี อดีตกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน)

ได้เขียนจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เพื่อเปิดเผยข้อมูลและสาเหตุที่บริษัทการบินไทยขาดทุน จนกระทั่งต้องมีแผนฟื้นฟูว่า บุคคลที่จะเข้ามาฟื้นฟูบริษัทนั้น มีทั้งอดีตกรรมการและกรรมการปัจจุบันที่เคยเป็นส่วนร่วมที่ทำ ให้บริษัทเสียหาย โดยยอมเป็นเครื่องมือให้นักการเมือง แสวงหาผลประโยชน์

“การจัดซื้อเครื่องบินแบบ A340-500 มูลค่าลำละ 5,232 ล้านบาทจำนวน 4 ลำซึ่งทางสภาพัฒน์แนะนำให้ทบทวน แต่ก็ดำเนินการต่อไปเพราะประธานกรรมการสภาพัฒน์คือบุคคลคนเดียวกันกับประธาน การบินไทย เครื่องบินดังกล่าวเมื่อเอามาบินก็ขาดทุนย่อยยับปีละ ประมาณ 3 ถึง 5 พันล้านบาท จึงจำเป็นต้องหยุดใช้ และเมื่อ 2 ปีที่แล้วมีคนพร้อมจะซื้อ ในราคาลำละ 760 ล้านบาท ถึงขั้นวางมัดจำ แต่ในราคานี้บริษัทจะขาดทุนลำละประมาณ 1,595 ล้านบาท คณะกรรมการการบินไทยจึงไม่อนุมัติให้ขาย ขณะนี้เครื่องบินทั้ง 4 ลำยังจอดอยู่ที่สนามบินดอนเมือง ขาย( ถ้ามีคนซื้อ ) ก็ขาดทุนไม่ขายก็เป็นเศษเหล็ก ต่อมาในปี2553/54 คณะกรรมการทราบฐานะการเงินของบริษัท แต่ก็ยังอนุมัติให้สั่งซื้อเครื่องบินเป็นจำนวนเงิน 260,000 ล้านบาท”

นายโยธิน ยังระบุในจดหมายดังกล่าวว่า คณะกรรมการฟื้นฟูเสนอให้หยุดบินไปกรุงมาดริด ซึ่งการบินไทยทำการบินตั้งแต่ปี 2530

เพื่อลดการขาดทุน เพื่อลดรายจ่ายแต่ รายได้ก็หายไป แต่กลับไม่คิดในลักษณะอื่นๆ เช่น กรุงเทพฯ-โรม-มาดริด (Combined flight ) จะลดค่าใช้จ่ายปีละ 1,500 ล้านบาท โดยไม่เสียรายได้ และอาจได้เพิ่ม เพราะการบินไทยมีสิทธิการบิน ช่วงโรม-มาดริด ไป/กลับจึงสามารถ รับผู้โดยสารและสามารถทำรายได้เพิ่ม

“เหตุที่พนักงานเป็นห่วงก็คือเอาคฌะกรรมการ ซึ่งเป็นผู้มีส่วนที่ทำให้บริษัทอยู่ในสภาพขาดทุนมาทำการ ฟื้นฟูบริษัทก็แปลกดีเพราะเป็นคนกลุ่มเดียวกัน โดยมารยาทถ้าบริษัทขาดทุนติดๆกัน 2- 3 ปีแบบการบินไทย คณะกรรมการเขาลาออกกัน หมดแล้วหรือไม่ก็โดนผู้ถือหุ้นปลดออก พนักงานอยากเห็นให้มีการเปลี่ยนแปลงในระดับบน และเอาผู้ที่มีความรู้จริงๆในธุรกิจการบินมาช่วยแก้ ปัญหา ถ้ายังใช้คนเดิมนี้ฟื้นฟู บริษัทก็จะไม่มีอะไร ดีขึ้น จะเอาพนักงานออกก็จะมีการวิ่งเต้นและ แต่งตั้งพวกพ้องมากินตำแหน่งสำคัญๆ”