19 ก.พ. 58 ที่อาคารรัฐสภา น.พ.ชูชัย ศุภวงศ์ รองประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ได้แถลงข่าวในประเด็นการปฏิรูปด้านแรงงาน โดยกรรมาธิการได้พิจารณาแล้วสรุปผลให้มีการปฏิรูปด้านแรงงานตามแนวทางดังต่อไปนี้ 1.ตรากฎหมายและกำหนดกลไกเพื่อรองรับเสรีภาพของผู้ใช้แรงงานในการสมาคม การรวมตัวกัน และการร่วมเจรจาต่อรอง ให้สอดคล้องกับมาตรฐานระหว่างประเทศ 2.สนับสนุนการจัดตั้งธนาคารแรงงานเพื่อเป็นกองทุนการเงินของผู้ใช้แรงงานในการส่งเสริมการออม และพัฒนาตนเอง อันจะนำไปสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
น.พ.ชูชัย กล่าวว่า ในปัจจุบันประเทศไทยยังไม่ได้ให้การรับรองสิทธิและเสรีภาพในอนุสัญญาหลักด้านการคุ้มครองสิทธิแรงงานที่ประกันสิทธิผู้ทำงานทุกประเภท คืออนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ฉบับที่ 87 ว่าด้วยเสรีภาพในการสมาคมและการคุ้มครองสิทธิในการรวมตัวกัน ซึ่งมีประเทศต่างๆ ให้สัตยาบันแล้ว 153 ประเทศ และฉบับที่ 98 ว่าด้วยสิทธิในการรวมตัวและการร่วมเจรจาต่อรอง ซึ่งมีประเทศต่างๆ ให้สัตยาบันแล้ว 164 ประเทศ จากสมาชิกทั้งหมด 185 ประเทศ ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ควรได้รับการปกป้องคุ้มครองอย่างจริงจัง นำไปสู่ระบบแรงงานสัมพันธ์ที่ดีและเป็นธรรมระหว่างผู้ทำงานหรือผู้ใช้แรงงานกับผู้จ้างงาน
“เราคงได้ยินเสมอนะครับว่าสหภาพแรงงานได้รับการกีดกัน ใครเข้าไปเป็นกรรมการก็จะถูกกลั่นแกล้งจากนายจ้าง เพราะฉะนั้นความยากลำบากตรงนี้ก็จะหมดไป เมื่อรัฐธรรมนูญฉบับนี้ประกาศใช้” น.พ.ชูชัย กล่าว
น.พ.ชูชัย กล่าวในประเด็นการจัดตั้งสถาบันการเงินหรือธนาคารแรงงานว่า กองทุนการเงินของแรงงานจะเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของลูกจ้าง/แรงงานได้อย่างยั่งยืน โดยให้สามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้อย่างเป็นธรรม เพราะปัญหาในปัจจุบันคือลูกจ้าง/แรงงานที่มีอยู่ซึ่งไม่รวมแรงงานต่างชาติร้อยละ 60 มีรายได้ต่ำกว่าเดือนละ 10,000 บาท มีชั่วโมงการทำงานนานถึงวันละ 10-14 ชั่วโมง และมักต้องกู้ยืมเงินนอกระบบซึ่งมีดอกเบี้ยสูงมากถึงร้อยละ 5-20 บาทต่อเดือน จึงตกอยู่ในวงจรของหนี้นอกระบบและความยากจน ซึ่งธนาคารแรงงานที่จัดตั้งขึ้นจะทำให้ลูกจ้าง/แรงงานสามารถเข้าถึงการกู้ยืมในอัตราดอกเบี้ยต่ำ สนับสนุนให้เกิดการออม เป็นแหล่งเงินทุนในการศึกษาหาความรู้ เป็นแหล่งเงินทุนให้องค์กรแรงงาน และเป็นสถาบันจัดสรรสวัสดิการแก่คนทำงาน
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
