วันชัย แจงยิบ จุดยืนยังคงเดิม ย้ำ ปรองดองต้องเจรจาทุกฝ่าย

วันชัย แจงยิบ จุดยืนยังคงเดิม ย้ำ ปรองดองต้องเจรจาทุกฝ่าย

"วันชัย" แจงยิบ จุดยืนยังคงเดิม ย้ำ ปรองดองต้องเจรจาทุกฝ่าย ไม่ใช่แค่ร้องรำทำเพลง!

จากรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวตอบคำถามกรณี นายวันชัย สอนศิริ โฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญกิจการสภาปฏิรูปแห่งชาติ เสนอให้พูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อต่อยอดการตั้งคณะกรรมการปรองดองแห่งชาติ แก้ปัญหาความขัดแย้ง ว่า "เขา มีอำนาจอะไรที่จะมาบังคับผม แล้วมีการกระทำอะไรที่ขัดต่อหลักของกฎหมายหรือไม่ อย่าลืมว่าวันนี้คุณทักษิณมีคดีติดตัวอยู่ แล้วผมจะไปพูดด้วยได้หรือไม่ล่ะ ก็ต้องคิดดูตรงนี้"

ความคืบหน้าล่าสุด นายวันชัย ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวถึงกรณีดังกล่าว ว่า

เรื่องที่หนังสือพิมพ์ลงข่าวกันตูมตาม ฮือฮาว่า สปช.วันชัยให้พลเอกประยุทธ์ไปคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อสร้างความปรองดองนั้น...จากนั้นผู้สื่อข่าวไปถามนายกฯและคนอื่นๆ โดยเฉพาะนายกฯบอกว่าไม่คุย เป็นนักโทษต้องกลับมารับโทษ...


มีคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์ผม ตำหนิติเตียน ด่าทอสารพัดว่าคิดผิดไปหรือเปล่า กินยาผิดซอง มีวาระซ่อนเร้นอะไรหรือเปล่า รวมทั้งเปลี่ยนไปละมั้ง...

บ้างก็ให้กำลังใจ ให้ความเห็น ให้ข้อแนะนำด้วยความปรารถนาดี เรียกว่ามีทั้งก้อนอิฐและดอกไม้... นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่เรื่องสำคัญอะไรหรอก แต่อยากจะบอกว่าเป็นการให้สัมภาษณ์กับสื่อด้วยการอธิบายในรายละเอียดเกี่ยว กับเรื่องปรองดอง ถ้าฟังทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบโดยละเอียดและถ้าได้ฟังน้ำเสียง ลีลาท่าทีไปด้วยก็จะรู้และเข้าใจในเนื้อหาที่พูดและคงไม่ต้องมาวิพากษ์ วิจารณ์กันแบบผิดๆถูกๆ หรือด่ากันเสียๆหายๆ...

ความจริงผมจะเฉยๆ เสียก็ได้เพราะผมไม่ได้ทำอะไรผิด และก็ไม่ได้คิดผิด พูดผิด แต่มาจากเนื้อแท้ น้ำใสใจจริง ด้วยเจตนาที่บริสุทธิ์ แต่ถ้าขืนเงียบหรือเฉยๆ คนก็จะเอาไปต่อความยาวสาวความยืดให้เข้าใจผิดกันไปใหญ่ จึงขอเรียนต่อทันทีเคารพทั้งหลาย ดังนี้


1. จุดยืนและแนวทางการทำงานของผมยังเหมือนเดิมทุกอย่างทุกประการและยังจะเข้ม ข้นมากยิ่งขึ้น... คิดอย่างไร พูดอย่างไร ทำอย่างนั้น เป็นวันชัยคนเดิม เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ผิดคิว ไม่ผิดซอง

2. บ้านเมืองเราที่ผ่านมาเกือบ 10 ปี มีปัญหาทะเลาะเบาะแว้ง ไม่สงบ ไม่เรียบร้อย สับสนอลหม่าน เพราะการที่คนในประเทศไม่รักกัน ไม่ปรองดองกัน ไม่สมานฉันท์กัน มุ่งแต่จะห้ำหั่นกัน มุ่งเอาแพ้เอาชนะกัน

3. จะปฏิรูปประเทศให้เลิศหรูอลังการอย่างไร จะแก้กฎหมาย จะร่างรัฐธรรมนูญให้วิเศษวิโสอย่างไร จะแก้ปัญหานู่นนี่นั่นของประเทศไทยให้ยิ่งใหญ่อลังการขนาดไหน ก็ไม่มีทางที่จะทำให้ประเทศมันเดินไปได้ สงบเรียบร้อยได้ ถ้าคนในชาติไม่รักกัน ไม่ปรองดองกัน...ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำมาก็ล่มสลายไปหมด อย่างที่พูดๆ กันนั่นแหละเลือกตั้งแล้วก็คงกลับมาเหมือนเดิม

4. การปรองดอง การสมานฉันท์ ไม่ใช่แค่หยุดการทะเลาะเบาะแว้งไว้แค่นั้น แล้วก็จบ... ไม่ใช่แค่การเอาตำรวจทหารไปร้องรำทำเพลงให้ชาวบ้านดูแล้วก็คิดว่านั่นเป็น การปรองดองแล้ว หรือการไปทำนู่นนี่นั่นในหมู่บ้าน ตำบล แล้วนึกว่านี่คือการทำให้คนรักกันได้แล้ว... แท้ที่จริงมันยังไม่ใช่... ไม่ใช่แค่นั้น

5. คนที่ทะเลาะกัน คนที่แตกแยกกัน คนที่ไม่ปรองดองกัน คนที่ไม่สมานฉันท์กัน ก็คือคนมีอำนาจ คนการเมือง แกนนำทางการเมือง กลุ่มนำทางการเมือง... คนพวกนี้แหละ ทะเลาะกัน แย่งอำนาจกัน แตกแยกกัน แล้วก็ชวนชาวบ้านมาทะเลาะกันให้แตกแยกกันเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของ กลุ่มตน พวกตน... ตัวนี้แหละ พวกนี้แหละคือตัวแห่งความขัดแย้ง ตัวแห่งความแตกแยก... ชาวบ้านโดยปกติ เขาก็ไม่อยากทะเลาะกัน ไม่อยากแตกแยกกัน แต่โดนปลุก โดนยุจากตัวการเมืองเหล่านี้พวกนี้

6. การจะยุติความขัดแย้ง แตกแยก สร้างความปรองดองได้ มันจะต้องเริ่มด้วยการพูดคุยเจรจา ทำความเข้าใจกับกลุ่มคู่ขัดแย้งตัวหลักตัวสำคัญเหล่านั้น ต้องมุ่งมั่น ทุ่มเท ต้องจริงจัง ต้องใช้เวลา ต้องให้เวลากับเรื่องนี้อย่างเต็มที่เต็มกำลัง ต้องไม่หยุดจนกว่าจะบรรลุผลจะ 3 เดือน 6 เดือน 8 เดือน 1 ปี 2 ปีก็ต้องทำ ดีกว่าให้บ้านเมืองเสียเวลาเป็นสิบๆปีและคนที่มีอำนาจ มีพลังที่สุดในการเจรจาคือผู้ที่เป็นรัฏฐาธิปัตย์ในขณะนี้ เป็นผู้ใหญ่ในขณะนี้ก็คือพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นอกนั้นแล้วไม่มีน้ำหนัก ไม่มีพลัง เพราะคนนี้พูดแล้วทำได้ ตัดสินใจได้


7. การเจรจาต้องเจรจากับใคร... กับแกนนำที่เป็นคู่ขัดแย้งทั้งหมดในประเทศ... กับพรรคการเมืองทุกพรรค... กับแกนนำผู้เคลื่อนไหวทางการเมือง... กับบุคคลผู้นำทางการเมือง... แม้กับคุณทักษิณ ก็เป็นตัวหลัก เป็นคู่ขัดแย้งทางการเมืองที่สำคัญก็ต้องคุย... ส่วนวิธีการคุย จะคุยแบบไหน อย่างไร จะต่อหน้า ลับหลังกับใคร อย่างไรบ้าง เป็นเรื่องของผู้นำและเป็นศิลปะที่จะพูดคุย


8. เมื่อคุยทุกกลุ่มทุกฝ่ายแล้ว ก็นำมาบอกกล่าวเล่าให้ประชาชนฟัง... อะไรทำได้ ทำทันที เป็นการแสดงความจริงใจ ตั้งใจและเริ่มต้นของการปรองดอง... ไม่ทำในยุคนี้สมัยนี้ ใครจะมีพลังมีอำนาจเท่าชุดนี้ ในสถานการณ์อย่างนี้ ถ้าไม่ทำเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องน่าเสียดาย เสียโอกาส เสียเวลาและเสียของ

9. ทั้งหมดนี้เป็นความคิดเห็นและข้อเสนอส่วนตัวที่ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน เป็นไปด้วยเจตนาบริสุทธิ์ ด้วยความจริงใจที่ต้องการให้ประเทศนี้มีความรัก ความสามัคคี ปรองดองสมานฉันท์กัน อย่าเพียงหยิบคำพูดบางวรรคบางตอนบางส่วนมาปะติดปะต่อหรือตัดแปะแล้วใส่สีตี ไข่ ใส่ร้ายป้ายสี... ขอร้องอย่าทำเลยครับ ผมขอยืนยันยังเป็นวันชัยคนเดิม จุดยืนเหมือนเดิม... หนักแน่น มั่นคง!

 

ด้วยจิตคารวะ
17 กุมภาพันธ์ 2558


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์