11 ก.พ.58 ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) ได้เคยประสานงานไปยัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เพื่อนำเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) กำหนดเรื่องการลงทะเบียนผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบเติมเงิน และการลงทะเบียนเพื่อแสดงตัวตนในการใช้งานอินเทอร์เน็ตแบบ WiFi เป็นวาระแห่งชาติ รวมทั้งก่อนหน้านี้ สำนักงาน กสทช.ก็มีการออกประกาศเรื่องการจัดเก็บข้อมูลและรายละเอียดเกี่ยวกับผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่เรียกเก็บเงินล่วงหน้า ลงวันที่ 21 ม.ค.58 ซึ่งสาระสำคัญของประกาศคือ การกำหนดให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ต้องจัดเก็บข้อมูลและรายละเอียดผู้ใช้บริการ หรือลงทะเบียนซิม ภายในวันที่ 31 ก.ค.58 หากกรณีที่ผู้ใช้บริการไม่ลงทะเบียนซิมภายในระยะเวลาที่กำหนด ผู้ให้บริการสามารถดำเนินการระงับบริการได้ทันที ล่าสุด มีการเตรียมข้อเสนอดังกล่าวเข้าที่ประชุม ครม.โดยนายกรัฐมนตรีได้ลงนามเห็นชอบให้นำเสนอเข้า ครม.เพื่อพิจารณาแล้ว
ทั้งนี้ ในหนังสือนำเรียนนายกรัฐมนตรีเพื่อบรรจุข้อเสนอดังกล่าวเข้าที่ประชุม ครม.ระบุวัตถุประสงค์ไว้อย่างชัดเจนว่า เพื่อเป็นการช่วยป้องกัน ระงับ ยับยั้ง การนำเทคโนโลยีการสื่อสารดังกล่าวมาใช้ประกอบการกระทำความผิด ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคง ซึ่งเหตุจำเป็นที่ต้องกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาตินั้น เนื่องจากการดำเนินการต้องได้รับความร่วมมือจากส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ ภาคเอกชน และประชาชน
สำหรับแนวทางการดำเนินงาน จะกำหนดให้ประชาชนผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบเติมเงินทุกคนที่ยังไม่ได้ลงทะเบียน ให้ลงทะเบียนให้เสร็จสิ้นภายใน 6 เดือน นับตั้งแต่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ความเห็นชอบ และให้สำนักงาน กสทช.ติดตามและประเมินผล หากไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด ให้สำนักงาน กสทช.เสนอมาตรการบังคับการทางกฎหมายที่เหมาะสมต่อไปต่อ ครม.เพื่อพิจารณา ส่วนเรื่องการใช้งานอินเทอร์เน็ตแบบ Free WiFi กำหนดให้ประชาชนลงทะเบียนแสดงตัวตนในการใช้งาน รวมทั้งให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตและผู้จัดให้มีบริการอินเทอร์เน็ตแบบ Free WiFi สนับสนุนการลงทะเบียนผู้ใช้บริการดังกล่าว ซึ่งในขั้นตอนการลงทะเบียนจะเป็นไปในลักษณะ Single Sign On คือ เป็นการลงทะเบียนแสดงตัวตนเพื่อขอใช้งานเพียงครั้งเดียว โดยผู้ใช้บริการจะต้องแสดงบัตรประชาชน แจ้งหมายเลขบัตรประชาชน และเบอร์โทรศัพท์เคลื่อนที่ ในการลงทะเบียน
อย่างไรก็ดี ในส่วนของเรื่องการลงทะเบียนผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบเติมเงิน อันที่จริงเป็นข้อกำหนดตามประกาศ กสทช.ที่มีมาตั้งแต่ในยุคของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) แต่ไม่ได้บัญญัติขึ้นเพื่อประโยชน์ในเรื่องความมั่นคงของประเทศ หากแต่เป็นเรื่องที่มีผลดีในการป้องกันการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ไปในทางก่อกวน หลอกลวง หรือก่ออาชญากรรม รวมถึงมีผลดีในแง่การคุ้มครองสิทธิผู้ใช้บริการ เช่น แสดงตนเพื่อใช้สิทธิร้องเรียนในกรณีที่ประสบปัญหาการใช้บริการ หรือเรียกร้องสิทธิประโยชน์ต่างๆ ทว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ข้อกฎหมายดังกล่าวไม่ถูกนำไปปฏิบัติใช้อย่างจริงจัง จนส่งผลให้เกิดปัญหาผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบเติมเงินส่วนใหญ่จากจำนวนกว่า 90 ล้านเลขหมาย ไม่มีการลงทะเบียนผู้ใช้บริการ นอกจากนี้ แหล่งข่าวระบุด้วยว่า โดยหลักการของกฎหมายข้อนี้ ต้องการให้มีการจัดเก็บข้อมูลผู้ใช้บริการก่อนการเปิดใช้บริการ ซึ่งในกรณีที่มีการเปิดให้บริการไปแล้วโดยไม่มีการจัดเก็บข้อมูลผู้ใช้บริการตั้งแต่ต้น แล้วมาระงับสิทธิผู้ใช้บริการในภายหลังหากไม่มีการลงทะเบียน อาจเข้าข่ายขัดต่อหลักกฎหมายในเรื่องมาตรฐานของสัญญาให้บริการโทรคมนาคม และถือว่าไม่เป็นธรรมกับผู้บริโภค