เมื่อวันที่ 2 ก.พ.นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการ "มองไกล" ทางช่องพีซทีวี ตอนหนึ่งระบุถึงเหตุระเบิดที่สยามพารากอน เมื่อค่ำวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า เสียงที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์ หน้าห้างสยามพารากอน เกี่ยวเนื่องกับแนวคิดที่จะมีการยกเลิกกฎอัยการศึกและแนวคิดที่จะเสนอให้ใช้กฎหมายที่ให้อำนาจใหม่มาแทนที่ แน่นอนที่สุดก็มีการหยิบยกรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 มาตรา 44 ที่ให้อำนาจ คสช.ในการดำเนินการใช้อำนาจคล้ายๆ กับกฎอัยการศึก เป็นการใช้อำนาจตรงเช่นเดียวกับมาตรา 17 และมาตรา 21 ในอดีตที่ให้อำนาจหัวหน้าคณะรัฐประหาร สามารถใช้อำนาจได้ทั้ง 3 ทาง ไม่ว่าจะเป็นนิติบัญญัติ ตุลาการ และบริหาร แปลความกันง่าย ๆ ว่าในอดีตสามารถที่จะสั่งประหารชีวิตโดยไม่ต้องผ่านการพิจารณาใด ๆ ในชั้นศาล ตนเห็นว่าการที่จะยกเลิกใช้กฎอัยการศึก แล้วยิ่งจะไปใช้รัฐรัฐธรรมนูญชั่วคราวมาตรา 44 นั้น จะยิ่งหนักยิ่งกว่าเดิม เพราะการใช้มาตรา 44 ภาพลักษณ์ ความไม่เป็นประชาธิปไตยมันจะรุนแรงและจะหนักกว่าการประกาศใช้กฎอัยการศึก อย่างไรก็ตามตนมีจุดยืนอย่างชัดเจนว่า จะไม่เรียกร้องให้มีการยกเลิกกฎอัยการศึก ไม่ใช่ว่าจะไปเออออห่อหมกกับกฎอัยการศึก แต่รู้ว่าไปขอให้ยกเลิกกฎอัยการศึกนั้นก็เป็นการสูญเปล่า คือไปขอในสิ่งที่เขาไม่มีวันจะให้ เมื่อยังไม่มีความไว้วางใจกันก็ยังไม่มีการยกเลิกกฎอัยการศึก
“เมื่อต้องการจะเลี่ยงคำว่า 'กฎอัยการศึก' แล้วไปใช้ยาที่แรงกว่าแล้วสะท้อนถึงการยึดอำนาจ คือ 'มาตรา 44' นั้น ทำให้คนนึกถึงบรรยากาศสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ และจอมพลถนอม กิตติขจร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นการหลบเลี่ยงคำว่า 'อัยการศึก' เท่านั้น และคิดว่าเป็นทางออกของประเทศไทย ซึ่งอย่าไปทำเลย เดี๋ยวเขาจะว่าเราลวงโลกเสียเปล่าๆ และหนักยิ่งกว่าเดิม ถ้ายังไม่ไว้วางใจกันในเรื่องต่าง ๆ เสียงระเบิดก็ดังตูมตามกันพอเหมาะกับเวลาพอดี” นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร กล่าวว่า ส่วนกรณีสภานิติบัญญัตแห่งชาติ (สนช.) เตรียมเรียกอุปทูตสหรัฐฯ เข้าพบในวันที่ 11 ก.พ. นั้น ทางการของสหรัฐฯ มีสิทธิที่จะมาหรือไม่ก็ได้ ถ้าเขามาก็อย่าคิดว่าจะไปกินหมูกันง่ายๆ ซึ่งสหรัฐต้องการรับฟังความเห็นจากทุกฝ่ายไม่ใช่จะไปจับมือกับคนเสื้อแดงล้มรัฐบาล ถือเป็นข้อกล่าวหาที่เลอะเทอะและขาดสติ และการแสดงความเห็นของสนช.ที่ใช้ถ้อยคำรุนแรง สหรัฐเขาไม่สนใจอยู่แล้ว สิ่งสำคัญคือการมีวุฒิภาวะ ประเทศไทยไม่ได้อยู่เหมือนอารมณ์แบบเด็กแว้น แต่ว่าต้องอยู่ในวุฒิภาวะของความเป็นผู้ใหญ่ เรื่องนี้ควรจะเงียบไปนานแล้ว แต่ก็มีการแสดงกัน เพราะเวลานี้มี ส.ว.ที่กำลังจะแต่งตั้ง 200 คน บางคนก็ฝันหวานล่วงหน้า อย่างน้อยก็จะได้เป็นกันต่อ การเรียกอุปทูตสหรัฐฯ ไปนั้นไม่มีปัญหา แต่จะเป็นการประจานตัวเองมากกว่า ขอให้ตั้งหลักตั้งสติกันให้ดีก่อนที่จะมีการถลำลึกไปมากกว่านี้ สนช.ควรเตือนกันเอง คนที่เป็นประธานต้องออกมาเตือนถ้าสมาชิกไปใช้ถ้อยคำหยาบ ๆ กับประเทศเพื่อนบ้าน
นายจตุพร กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีการยกร่างรัฐธรรมนูญไม่ว่าจะเขียนมาแล้วใช้ได้หรือใช้ไม่ได้ ตนก็ประกาศชัดเจนแล้วว่าไม่มีผลใดๆ กับตน เพราะตนจะไม่ไปสมัครรับเลือกตั้งภายใต้กติกาที่อำนาจไม่เป็นของประชาชน เพราะว่าถ้าเราไปยอมรับด้วยการเข้าไปอยู่ในคอก นอกจากเราไม่ซื่อสัตย์ต่อประชาชนแล้ว เรายังทำลายความรู้สึกบนหนทางการต่อสู้ยาวนานที่ผ่านมา เมื่อการคืนอำนาจให้กับประชาชนเป็นการคืนไม่ครบ คืนแบบกะปริบกะปรอยเหมือนปัสสาวะขัด ก็กลายเป็นปัญหาว่า เราจะไปให้การับรองสิ่งที่ไม่ถูกต้องหรือไม่
"ผมไม่เชื่อว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ที่กำลังเขียนอยู่จะผ่านไปได้อย่างง่ายดาย เพราะว่าเนื้อหาสาระทั้งหมดนั้น นอกจากไม่เป็นประชาธิปไตย ยังเป็นการทำลายอำนาจของประชาชนโดยสิ้นเชิง เป็นการสร้างกติกา เพื่อให้เกิดวิกฤติ เขียนเพื่อรอการถูกฉีก ทำให้ประเทศถอยหลังอย่างไม่รู้จักจบสิ้น ใครยินดีปรีดากับรัฐธรรมนูญที่กำลังเขียนหาความปรีดากันได้สบาย แต่ไม่ใช่ผม ซึ่งแสดงจุดยืนชัดเจนไม่ร่วมสังฆกรรมมาตั้งแต่ต้น และประกาศชัดเจนว่า ไม่เห็นด้วย ไม่สามารถร่วมหลอกลวงด้วย" นายจตุพร กล่าว