'ไก่อู'ชี้ ยังไม่ถึงเวลาใช้ยาแรง เผย นายกฯไม่ต้องการขยายความขัดแย้งกรณีสหรัฐฯ ถามกลับอดีตส.ส.เพื่อไทย ' ใจกว้างแล้วหรือยัง' หลังจี้รบ.-นายกฯ เปิดใจฟังมะกัน
เมื่อวันที่ 31 ม.ค. พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวกลุ่มที่ปรึกษาคสช. ได้มีการเสนอให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ใช้อำนาจมาตรา 44 ออกกฎหรือระเบียบอื่นมาใช้แทนกฎอัยการศึก ว่า ยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว แต่จากประเมินสถานการณ์ ขณะนี้ตนมองว่า ยังไม่ถึงเวลาที่จะใช้ยาแรง และยืนยันว่า สถานการณ์การเมืองยังไม่มีแรงกระเพื่อมเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด ส่วนผู้ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมืองนั้น คสช. จะพิจารณาเพื่อเชิญตัวมาพูดคุยแล้วคิดว่า ทุกฝ่ายคงเข้าใจกัน ซึ่งที่ผ่านมานายกฯ มีนโยบายชัดเจน เช่นกรณีของสหรัฐฯ นายกฯได้บอกว่า เราทำได้เพียงแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลได้เข้ามาเพื่อแก้ปัญหาชาติบ้านเมือง และแก้ปัญหาความขัดแย้ง โดยเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง ส่วนสหรัฐฯจะทำอะไร ก็เป็นเรื่องที่สังคมพิจารณาถึงมารยาทของเขา แต่นายกฯไม่ต้องการทำให้เกิดความขัดแย้งมากยิ่งขึ้น เพราะทั้งไทยและสหรัฐฯ ต่างฝ่ายต่างอยู่โดดเดี่ยวไม่ได้ ทุกคนต้องมีสังคม เพราะฉะนั้นจึงไม่น่ามีอะไรที่หนักหน่วงรุนแรง สิ่งที่สหรัฐฯต้องการจะทำก็ให้ทำไป ส่วนเราก็ต้องอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี คงไปห้ามเขาไม่ได้ แต่รัฐบาลเอาประชาชนเป็นหลักว่าสังคมเข้าใจเรา
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวถึงกรณีที่นางกุสุมา ศิริโกมุท อดีตส.ส. พรรคเพื่อไทย ออกมาแนะให้รัฐบาลและนายกฯ
เปิดใจให้กว้างกับสหรัฐฯ ว่า “ท่านนายกฯ ใจกว้างอยู่แล้ว ผู้ที่พูดเรื่องนี้ก็ควรจะใจกว้างด้วยเหมือนกัน นายกฯ ควบคุมอำนาจการปกครองมาเพราะรัฐบาลขณะนั้นไม่มีอำนาจ ทุกอย่างหยุดชะงักหมด ทำให้ประชาชนเดือดร้อน หากปล่อยไว้เช่นนั้นก็จะเกิดภาวะที่หนักกว่านี้ และอย่างกรณีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ทุกอย่างก็เปิดให้เข้าสู่กระบวนการ ทุกคนเรียกร้องความยุติธรรม ทั้งสองฝ่าย ป.ป.ช. และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็มาได้เปิดข้อมูลให้สังคมรับรู้แบบมีกฎกติกา นี่คือความใจกว้างของนายกฯ แล้วคนที่พูดเปิดใจกว้างแล้วหรือยัง”.