ประชาคมโลกสงสัยว่า “อดีตนายกฯ หญิง” ตกเป็นเป้ามีใบสั่งไล่ล่าหรือไม่ โดยเป็นห่วงว่าจะกระทบต่อการปรองดอง และวิตกว่านายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้งกลับเจอถอดถอนโดย สนช.
ผลโหวตมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ด้วยคะแนนเห็นควรถอดถอนท่วมท้น 190 เสียง ต่อ18เสียง
ของสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ทำเอาอุณหภูมิการเมืองร้อนฉ่า เพราะถูกฝ่ายพลพรรคเพื่อไทยตบเท้าออกมาตอบโต้แสดงความไม่เห็นด้วย โดยโจมตีว่า มีสัญญาณพิเศษที่ส่งถึง สนช. สายทหารหรือไม่ จึงทำให้คะแนนเสียงถอดถอนออกมาแบบถล่มทลายเช่นนี้ จน คสช. ต้องเชิญ“สิงห์ทอง บัวชุม”สมาชิกพรรคเพื่อไทย เข้าปรับทัศนคติในค่ายทหาร
สำทับด้วยความเคลื่อนไหวของตัวแทนสหรัฐ “นายแดเนียล รัสเซล”ผู้ช่วย รมว.ต่างประเทศสหรัฐ อเมริกา ฝ่ายกิจการ เอเชียตะวันออกและแปซิฟิกนายแพทริค เมอร์ฟีย์อุปทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยกล่าวบรรยายที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บอกว่า ประชาคมโลกสงสัยว่า “อดีตนายกฯ หญิง”ตกเป็นเป้ามีใบสั่งไล่ล่าหรือไม่ โดยเป็นห่วงว่าจะกระทบต่อการปรองดอง และวิตกว่านายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้งกลับเจอถอดถอนโดย สนช. ที่ตั้งโดยรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร พร้อมแนะให้รัฐบาลรีบเลิกกฎอัยการศึก
งานนี้“พล.ท.พิศณุ พุทธวงศ์”หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษและนายทหารคนสนิท พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ในฐานะสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งถือว่าเป็น สนช. สายทหารระดับใกล้ชิดขั้วอำนาจ จะมาตอบคำถามดับกระแสข่าวดังกล่าว
มีการโจมตีว่ามีผู้ใหญ่ล็อกโหวตเสียง สนช. ให้ลงมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จึงทำให้คะแนนเสียงออกมาท่วมท้นเกินคาด
ผมไม่ได้โดนสั่งหรือได้รับสัญญาณให้ทำอะไรทั้งนั้นสนช. คนอื่นไม่มีใครพูดเรื่องนี้ทั้งก่อนและหลังลงมติผมไม่เห็นว่าจะมีใครล็อบบี้ใคร โดยเฉพาะสำหรับตัวผมเองรับรองว่าไม่มีแน่นอน ส่วนคนอื่นผมไม่ทราบ เท่าที่คุยและทานข้าวด้วยกัน ไม่เคยมีใครพูดเรื่องนี้ และ สนช. หลายท่านก็ได้ชี้แจงประเด็นนี้ไปแล้ว ผมมั่นใจในกระบวนการลงมติของ สนช. เพราะเราใช้หลักเสียงส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นกระบวนการเช่นเดียวกับตอนที่มีสภาปกติ
มีหลายฝ่ายโจมตีว่าการถอดถอนไม่เป็นไปตามกระบวนยุติธรรม ส่วนตัวมองอย่างไร
สนช. ทำตามหน้าที่ในกรอบบรรทัดฐานที่มีอยู่แล้ว ถือว่าเป็นเรื่องปกติ และเสียงที่ดำเนินการใด ๆ เราก็ใช้เสียงข้างมากตัดสิน ตั้งแต่เปิดคดี ซักถาม จนปิดคดี และมาถึงลงมติผมยืนยันอีกครั้งไม่มีใครมาล็อบบี้การลงมติอย่างไรเป็นเรื่องวิจารณญาณส่วนตัวแล้วแต่ละคนคิดอย่างไร ก็ออกเสียงไปตามนั้นในส่วนกระบวนการถอดถอน ถ้าในภาวะปกติใครทำอะไรผิดหรือไม่ผิด มันมีกระบวนการที่ต้องสอบสวนไป ส่วนในการกระบวนการถอดถอนได้หรือไม่ เป็นเรื่องตัดสินกันในสภาส่วนรัฐบาลในอดีตที่มีนักการเมือง ถอดถอนได้หรือไม่นั้น ผมไม่รู้ และไม่สามารถไปวิจารณ์การเมืองในอดีตได้
ฝ่ายตรงข้ามมองว่ามีแผนการไล่ล่านักการเมือง โดยเริ่มจากกลไก สนช.
เจตนารมณ์ สนช. ไม่ได้ตั้งมาเพื่อไล่ล่า ทุกอย่างที่ทำเป็นกระบวนการที่เขามีอยู่แล้วจุดประสงค์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)กำหนดให้ สนช. ทำหน้าที่เป็นตัวแทนราษฎร ตัวแทนวุฒิสภา มาดูแลเรื่องกฎหมาย การออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ต่าง ๆ ที่คั่งค้างไว้มากมายแต่เผอิญอำนาจตรงนั้นมีการระบุว่า สนช. มีอำนาจในการถอดถอนอยู่ด้วยซึ่งเหมือนกับศาล
สนช. ดำเนินการถอดถอนตามข้อบังคับการประชุม ที่กำหนดให้สมาชิกทุกคนมีโอกาสรับฟังข้อมูลการแถลงเปิดและปิดคดีจากผู้กล่าวหาและผู้ถูกกล่าวหาว่าข้อเท็จจริงของแต่ละฝ่ายเป็นอย่างไร จากนั้น สนช. ทุกคนจะใช้วิจารณญาณของแต่ละคนในการตัดสินใจลงมติในการประชุม สนช. ซึ่งผลออกมาเป็นอย่างไร คะแนนออกมามากน้อยแค่ไหน นั่นก็คือ สนช. ทุกคนได้ใช้วิจารณญาณแล้ว ยืนยันว่าทุกอย่างดำเนินการไปอย่างปกติ ตามกระบวนการที่มีมาแล้ว ไม่ใช่ว่า สนช. เพิ่งจะมาตั้งหรือวางกระบวนการกันขึ้นมาใหม่
เป็นธงของ คสช. ทำให้ตระกูลชินวัตร สิ้นซากในทางการเมืองเหมือนอย่างที่มีการออกมากล่าวหา สนช. และแม่น้ำทั้ง5สาย หรือไม่
เป็นการคิดกันมโนกันไป ขอร้อง อย่าเอาเรื่องโน้นเรื่องนี้มาเชื่อมกันไปหมด หรือเอามาคิดกันไปเองทั้งสิ้น ยืนยันว่า สนช. ไม่ได้ไล่ล่าใคร อย่าเสียเวลาไปคิดเลยเพราะไม่ได้เป็นอย่างนั้น รวมถึงไม่มีความจำเป็นอะไร ผิดถูกทุกอย่างมันเห็นได้ด้วยตัวเอง
มีข้อสงสัยว่าเหตุใดอัยการสูงสุดจึงมีมติส่งฟ้องคดีอาญากรณีโครงการรับจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในวันเดียวกับที่ สนช. จะลงมติถอดถอน
ผมไม่ทราบ แต่อัยการสูงสุดจะฟ้องศาลก็เป็นกระบวนการที่แยกออกไป ไม่เกี่ยวกับกระบวนการทางรัฐสภา ซึ่งในคดีอาญาเป็นเรื่องของศาลยุติธรรมที่จะไปว่ากันตามกระบวนการของเขา เป็นคนละกรณีกันกับการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง รับรองได้ว่าไม่ได้มีการนัดหมายอะไรกันอย่างแน่นอน เรื่องนี้คงต้องไปถามทางอัยการสูงสุดว่าทำไมต้องแถลงออกมาเวลานั้น
ขณะนี้มีการโจมตีว่า เรื่องดังกล่าวมีขบวน การเชื่อมโยงให้เห็นว่ามีการทำกันอย่างเป็นขบวน การ โดยที่มีคนสั่งหรือกดปุ่มได้
เป็นการโยงกันเองทั้งนั้น การที่ สนช. ไปกินข้าวกินปลาอยู่ด้วยกัน ไม่เคยมีพูดเรื่องการถอดถอน หรือการลงคะแนนแต่อย่างใด ซึ่งคะแนนเสียงที่ออกมาขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของ สนช. แต่ละบุคคล ทุกคนลงคะแนนไปตามที่ได้ฟังข้อมูลข้อเท็จจริงจากการรับฟังการแถลงปิดและเปิดคดีของผู้กล่าวหา และผู้ที่ถูกกล่าวหา ในการประชุม สนช. ที่เปิดให้ทั้งสองฝ่ายได้ชี้แจง ทั้งนี้คิดว่าทุกคนได้คิดเห็นอย่างไรก็ลงคะแนนไปตามนั้น ซึ่งขณะนี้ใน สนช. ไม่มีพูดคุยกันในเรื่องนี้แล้ว สนช. ไปทำเรื่องอื่นกันแล้ว
ตอนนี้ประเทศชาติต้องเดินหน้า เราต้องเดินหน้าประเทศไทย เพราะที่ผ่านมาประเทศเรามีสภาพเหมือนเป็นแผลที่ไม่เคยถูกรักษา ถ้าปล่อยต่อไปเกรงว่าจะเป็นหนองเรื้อรัง และเมื่อเข้ามาแล้วก็พบว่ายังรักษาแผลไม่ได้ จึงต้องไปขุดเอาเนื้อเยื่อที่เสียออกให้หมดก่อน เพื่อให้เป็นแผลใหม่แล้วจึงดำเนินการรักษา เพราะสภาพปัญหาต่าง ๆ จากที่แย่ ๆ แล้วมาติดลบมาก จากติดลบมากมาเป็นติดลบน้อย แล้วค่อย ๆ เสมอตัว จากนั้น ค่อย ๆขึ้นเป็นบวก ซึ่งสิ่งสำคัญที่จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นต้องมาจากปัจจัยแวดล้อมด้วยคือ ขึ้นกับคนไทยทุกคนทั้งประเทศ หากคนไทยทุกคนเป็นห่วงบ้านเมือง ห่วงอนาคตของลูกหลานหากทุกคนคิดบวก ทำบวก จะได้คำตอบที่ตรงกันคือทุกคนร่วมกันทำเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ
ขณะนี้แม่น้ำทั้ง 5 สาย ทั้ง คสช. คณะรัฐมนตรี (ครม.) สนช. สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ พยายามเดินหน้าใช้เวลาทำงานตามโรดแม็พ ที่ คสช. วางเอาไว้ เพื่อสร้างบรรทัดฐาน และกลไกที่สร้างเครื่องมือที่ถูกต้อง เพื่อปูพื้นฐานประเทศด้วยระบบคุณธรรมในทุกด้าน เมื่อรัฐบาลใหม่เข้ามาทำงานรับช่วงก็จะได้เดินต่อได้ทันที
และเมื่อร่างรัฐธรรมนูญเสร็จ ขั้นตอนต่อไปจะเป็นเรื่องของกระบวนการร่างกฎหมายลูก ซึ่งเป็นกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ จากนั้นก็เตรียมเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งได้ผมอยากขอทุกคนว่าอย่าไปมองอะไรที่ไม่ราบรื่น เพราะความจริงอาจจะไม่มีอะไร สถานการณ์ที่ผ่านมาทำให้คนไทยเสียเวลากันมามากแล้ว ผมอยากให้ทุกคนเลิกมองในแง่ลบ แล้วหันมาคิดบวก มองบวก จากนั้นเราจะเดินไปพร้อม ๆ กัน
สถานการณ์การเมืองในปีสองปีนี้จะเปลี่ยนแปลงอย่างไร
สถานการณ์ขณะนี้ถือว่า คนไทยตื่นตัวและมีความหวังมากขึ้น ดังนั้นสิ่งที่กังวลกันหรือใครที่คิดในทางที่ไม่ดี เมื่อถึงเวลาก็จะทำไม่ได้ เพราะปัจจัยเรื่องความตื่นตัวเหล่านี้จะเป็นพลังให้กับประเทศ ผมเชื่อว่าการเมืองเริ่มดีขึ้นแล้ว เนื่องจากคนทั่วไปที่ผ่านเหตุการณ์ต่าง ๆ ล้วนได้รับผลกระทบ คนเหล่านี้จะเข้าใจได้ว่าโครงการประชานิยม เป็นอย่างไร ได้ก่อปัญหาสร้างภาระหนี้สินให้กับประเทศระยะยาวอย่างไร ซึ่งเป็นสาเหตุที่ประเทศอื่น ๆ เขาถึงไม่นำนโยบายประชานิยมมาใช้กัน เพราะเห็นได้ชัดว่านโยบายดังกล่าวได้ทิ้งผลเสียไว้มาก ดังนั้นผมเชื่อว่า สถานการณ์การเมืองต่อไปน่าจะมีความหวังมากขึ้น โดยหวังได้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลังจากที่มีการปฏิรูปประเทศ และมีกฎหมายที่เข้มแข็งมาบังคับใช้ รวมถึงมีการร่างรัฐธรรมนูญที่ดี ซึ่งขณะนี้แม่น้ำทั้ง 5 สายกำลังเร่งดำเนินการอยู่ และมั่นใจว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นได้ไม่เกินภายในปี 2559
มองอย่างไรในอีกสามเดือนข้างหน้า คสช. และรัฐบาล บริหารประเทศครบ 1 ปี ซึ่งเป็นไปตามคำสัญญาว่า รัฐบาลจะใช้เวลาคืนความสุขให้กับคนไทยในเวลา 1 ปี
ตอนนี้จะเห็นได้ชัดว่า รัฐบาลนี้และทุกภาคส่วนกำลังเร่งฟื้นฟูบ้านเมืองในทุก ๆ ด้าน โดยเฉพาะการยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนให้มีรายได้อย่างยั่งยืน พร้อมกับการสร้างบรรยากาศให้น่าลงทุนและท่องเที่ยว เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะขับเคลื่อนประเทศไปได้
กังวลว่าหลังเลือกตั้งการเมืองกลับสู่แบบเดิมหรือไม่
ไม่อยากให้มองด้านลบเกินไป หรือมองในแง่ร้ายเพราะเชื่อว่าทุกเหตุการณ์ส่งผลให้ทุกคนต้องปรับตัวกันหมดในทางที่ถูกต้อง ผมคิดว่าวันนี้คนไทยมีบทเรียนมามาก ไม่ว่าใครหรืออะไรก็ตามควรมองไปข้างหน้า ทั้ง สนช. สปช. กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ คสช. และรัฐบาล เห็นตรงกันว่าต้องการให้ประเทศก้าวพ้นวิฤกติ ดังนั้นรายละเอียดขั้นตอนต่าง ๆ ของกระบวนการเลือกตั้งต้องแก้ปัญหาแบบเดิมให้ได้ผล และคนไทยส่วนใหญ่เป็นห่วงจุดนี้ด้วยกันทั้งนั้น ภาระหน้าที่ทำให้เกิดความโปร่งใสในทุกระบบ จึงขึ้นอยู่กับเราทุกคนที่มาร่วมกันทำพื้นฐานให้ประเทศกลับไปสู่ความเชื่อมั่น และเกิดความมั่นคงใครมาเป็นรัฐบาลก็ต้องรับแนวนี้ จากที่ คสช. วางไว้ เพราะเป็นของดีสามารถนำพาบ้านเมืองไปได้จากทางตันการเมืองที่เกิดมาต่อเนื่อง ผมมองว่าถ้าเราตั้งใจมีความจริงใจทำดีแก่ประเทศชาติแล้วก็ไม่กังวลอะไร.