จงหยุดการดึงฟ้าต่ำ
โดย ผู้จัดการรายวัน 3 เมษายน 2549 02:19 น.
กำลังโหมกระแสเรื่องหมิ่นพระบรมเดชานุภาพกันใหญ่ แล้วโหมกระพือเพื่อใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง เพื่อทำลายคนที่มีความเห็นทางการเมืองไม่ตรงกันไม่ใช่โหมเพื่อความจงรักภักดีอย่างแท้จริงเลยและใช้เรื่องนี้เป็นเครื่องมือทางการเมืองเฉพาะฝ่ายเดียวคือกับฝ่ายที่อยู่ตรงกันข้ามกับรัฐบาลเท่านั้น
เพราะเรื่องนี้มีการกล่าวหาฝ่ายรัฐบาลเหมือนกัน กล่าวหาการกระทำของฝ่ายรัฐบาลในหลายวาระ หลายเรื่อง และหลายๆคน ซึ่งบางกรณีชัดเจน น่าเกลียด ย่ำยีหัวใจคนไทยมากแต่คนในแวดวงของรัฐบาลและเครือข่ายไม่ใยดีเอาใจใส่ไม่ทำอะไรเลย ไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลยราวกับว่าอยู่เหนือกฎหมาย อยู่เหนือคดีหมิ่นเบื้องสูงได้
ฝ่ายตำรวจจะตอบอย่างไรต่อการกล่าวหาเหล่านั้นนายทหารบางคน กำนัน ผู้ใหญ่บ้านและคนในเครือข่ายมหาดไทยที่เที่ยวโหมกระแสนี้กันอยู่จะตอบคำถามนี้อย่างไรทำไมฝ่ายรัฐบาลทำได้โดยไม่รู้สึกเดือดร้อนอะไร หรือว่าอยู่เหนือกฎหมายในเรื่องนี้ได้
นี่หรือคือความจงรักภักดีที่เที่ยวอ้างกันอยู่
นี่คือความจงรักภักดีที่ลำเอียงเพื่อใครกันแน่ รับใช้ใครกันแน่
นี่คือการเลือกปฏิบัติที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ
ถ้าหาคดีที่มีการกล่าวหาฝ่ายรัฐบาลมาก่อนแต่ไม่ทำอะไรเลย แต่มาเร่งรัดเฉพาะคดีนายสนธิ จึงทำให้ผู้คนเห็นชัดเจนว่าเลือกปฏิบัติ เลือกใช้ปฏิบัติเพราะเพื่อเป็นเครื่องมือทำลายทางการเมือง
นี่ยังไม่รวมถึงความคลุมเครือและปริศนาการตัดต่อเนื้อความเพื่อกลั่นแกล้งใส่ร้ายป้ายสีกันเพื่อสร้างสถานการณ์รุนแรงแบบ ๖ ตุลา ที่คนเขารู้ทันแล้ว
การสร้างกระแสแจ้งความทั่วประเทศ น่ารังเกียจและส่อถึงการกลั่นแกล้งชัดเจนเพราะข้อหาเรื่องเดียวที่พูดครั้งเดียว หากจะผิดก็ผิดทีเดียว ไม่ใช่การแจ้งหลายคนแล้วจะเป็นหลายความผิดไปได้ เรื่องเดียว กรรมเดียว ถ้าผิดก็ผิดเรื่องเดียว
การสร้างกระแสแจ้งความจึงไม่ใช่เพื่อผลทางคดี แต่เพื่อแกล้งกันอย่างน่าทุเรศ เป็นการดึงฟ้าต่ำ มาเป็นเครื่องมือทางการเมืองทำลายกันทางการเมือง
การที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้รวมทุกกรณีที่กล่าวหามารวมกันจึงเป็นความถูกต้อง และชอบด้วยกฎหมาย น่านับถือ
ผู้ที่จงรักภักดีจริงย่อมรู้ว่าความจงรักภักดีต่อในหลวงเป็นความสูงส่งข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมีไว้เพื่อพิทักษ์ปกป้องพระบรมเดชานุภาพไม่ใช่มีไว้เพื่อใช้เป็นเครื่องมือทำลายกันทางการเมือง
การนำเรื่องนี้มาใช้เป็นเครื่องมือทำลายกันในทางการเมืองจึงไม่ถูกต้องไม่คำนึงถึงน้ำพระราชหฤทัยของในหลวงกันเลย
พระองค์ท่านเคยตรัสเรื่องนี้ชัดเจนและได้ยินกันทั้งบ้านทั้งเมืองมาแล้วไม่ถึงสี่เดือนเลยก็ทำเป็นลืมกันไปหมด นี่หรือความจงรักภักดีจึงต้องเตือนมายังคนทั้งหลายให้สำนึกว่าเมื่อค่ำวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๔๘ พระเจ้าอยู่หัวได้ตรัสเรื่องนี้ว่าอย่างไร
ครั้งนั้นก็มีเรื่องการระดมผู้คนในสำนักงานตำรวจและเครือข่ายมหาดไทยไปแจ้งความเรื่องหมิ่นเบื้องสูงกันวุ่นวายไปทั้งบ้านทั้งเมือง
พระเจ้าอยู่หัวทรงตรัสในครั้งนั้นว่าเป็นการทำให้พระองค์ท่านเดือดร้อนและทรงตั้งคำถามต่อหน้ามหาสมาคมด้วยว่าต้องการให้พระองค์ท่านเดือดร้อนหรือ
กระแสพระราชดำรัสในวาระนั้นดับร้อนให้แผ่นดิน ทำให้ความวุ่นวายยุติลงมีการถอนแจ้งความและสั่งจำหน่ายคดีกันจ้าละหวั่น อันเป็นการน้อมรับพระราชกระแสด้วยความจงรักภักดีแต่นี่ไม่ทันไร ก็หันมาใช้วิธีการเดิมๆอีกแล้วโหมกระแสกันแบบบ้าระห่ำ จนวุ่นวายไปทั้งบ้านทั้งเมือง
โดยไม่สนใจว่าความจริงเป็นอย่างไร เจตนาเป็นอย่างไร
ขอเพียงให้ขยายกระแสเหนือความจริง เหนือความถูกผิดเป็นใช้ได้
มันจึงไม่ใช่ความจงรักภักภักดีแท้เพราะถ้าจงรักภักดีจริงก็ต้องตอบคำถามว่าต้องการทำให้พระองค์ท่านเดือดร้อนหรืออย่างไร
ขอเชิญไปพิจารณาดูกระแสพระราชดำรัสเมื่อค่ำวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๔๘ อีกสักครั้งหนึ่งก็จะสำนึกรู้เองว่าควรจะต้องทำอย่างไร
เราเรียกร้องทุกฝ่ายให้ยุติการกระทำที่ดึงฟ้าต่ำในทันที
ให้หยุดใช้เรื่องนี้เป็นเครื่องมือทำลายกันในทางการเมืองในทันทีและต้องเลิกบ้าจี้ตามกระแสที่ปลุกระดมกันผิดๆและบิดเบือนเสียด้วยและต้องยุติการใช้อำนาจทางการเมืองบิดเบือนข้อหาหมิ่นมาเป็นเครื่องมือทางการเมืองในทันที