'อุดมเดช'ไม่หนักใจสถานการณ์หลังสนช.ลงมติถอดถอน 'ยิ่งลักษณ์' เชื่อยังคุมได้ ปัดกำจัดตระกูลชินวัตร เตือน 'โอ๊ค' ระมัดระวังการแสดงความเห็น ย้ำ 'ปู' บินตปท.ต้องทำตามขั้นตอนคสช.
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 26 ม.ค. ที่กรมวิทยาศาสตร์ทหารบก (วศ.ทบ.)
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.)และเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ให้สัมภาษณ์ถึงการดูแลสถานการณ์ภายหลังจากที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)ลงมติถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ออกจากตำแหน่งว่า ไม่มีอะไรที่น่าหนักใจ การดูแลสถานการณ์ต่าง ๆ ก็เป็นไปตามที่เคยดำเนินการกันมา เพราะตั้งแต่ช่วงที่คสช.เข้ามาดำเนินการในส่วนของกองทัพบก ได้รับมอบหมายให้ดูแลงานด้านความมั่นคง เพื่อติดตามสถานการณ์และดูแลให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งขณะนี้ก็ถือว่า มีความเรียบร้อย ส่วนเรื่องการพิจารณาถอดถอนต่าง ๆ ขณะนี้ก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไร ทุกส่วนมีความเข้าใจและส่วนใหญ่ก็ให้ความร่วมมืออยู่ในกรอบ ก็คงต้องดูแลติดตามสถานการณ์ต่อไป
เมื่อถามว่า มีการแสดงความคิดเห็นเรื่องดังกล่าวผ่านทางโซเชียลมีเดีย
เช่นกรณีของนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจะถือว่า เกินกรอบและเข้าข่ายเป็นการปลุกระดมหรือไม่ พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ในส่วนนี้ต้องระมัดระวัง ขอร้องให้ใช้วิจารณญาณในการดำเนินการต่าง ๆ การแสดงความคิดเห็นใด ๆ ถ้าเราแสดงออกมาแล้วเกิดปัญหาก็ไม่ควร ทั้งนี้การแสดงความคิดเห็นนั้นควรแสดงแบบพอสมควรและอยู่ในกรอบขอให้ช่วยดูแลในส่วนนี้ให้ดี ส่วนเจ้าหน้าที่ก็จะติดตามต่อไปสิ่งใดที่พอยอมรับได้ก็จะไม่ดำเนินการอะไร แต่ตนขอฝากบอกว่า ถ้าเราอยากให้มีความสงบเรียบร้อยราบรื่นไปถึงจุดหมายปลายทางที่ทุกคนคาดหวังไว้ตามขั้นตอนของโรดแม็พที่กำหนดขอให้ช่วยกัน การแสดงความคิดเห็นใด ๆ ขอให้ระมัดระวังสิ่งต่าง ๆ ที่ผ่านพ้นมาถือว่า ยังอยู่ในเกณฑ์ที่เชื่อว่ายังไม่ก่อให้เกิดปัญหาอะไรขอให้ช่วยกันรักชาติบ้านเมืองให้มาก ๆ
เมื่อถามว่ามีการมองว่าที่สนช.ลงมติถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ครั้งนี้เพื่อต้องการกำจัดขั้วพ.ต.ท.ทักษิณ
พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะเป็นเรื่องของการที่สนช.ได้ฟังเหตุผล และมีวิจารณญาณในการตัดสินใจของแต่ละคน ซึ่งก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอน และหากมีอะไรที่จะต้องดำเนินการต่อสู้ต่อไปก็เป็นเรื่องของกฎหมาย ตนคงจะไม่แสดงความคิดเห็นอะไรมาก ส่วนน.ส.ยิ่งลักษณ์ หากต้องการจะเดินทางไปต่างประเทศ ก็จะต้องขออนุญาตคสช.โดยต้องเป็นไปตามขั้นตอน.