รัฐบาลปัดส่งซิกสอยปู สั่งบิ๊กป้อม-บิ๊กโด่งตั้งรับเหตุป่วน

รัฐบาลปัดส่งซิกสอย"ปู" สั่ง"บิ๊กป้อม-บิ๊กโด่ง"ตั้งรับเหตุป่วน อุ้มสนช.ไร้คืนหมาหอน

"บิ๊กตู่"เกาะติดข่าวปูแถลงปิดคดี

 วันที่ 22 ม.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ
 
ให้สัมภาษณ์กรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ติดตามการแถลงปิดคดีถอดถอนนักการเมืองของ สนช.หรือไม่ ว่า เป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของทุกคน จะบอกไม่สนใจคงไม่ได้ นายกฯเป็นห่วง แต่ไม่ถึงกับกังวล เพราะชี้แจงกับบรรดารัฐมนตรี คสช. ระหว่างประชุมร่วมครม.และคสช.เมื่อวันก่อนว่า ให้ติดตามข้อมูลข่าวสารและทำความเข้าใจกับประชาชน โดยนายกฯระบุว่า ให้มองย้อนกลับไปดูปีที่แล้วที่บ้านเมืองขัดแย้ง ซึ่งส่วนหนึ่งรู้สึกว่ารัฐบาลขณะนั้นทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เกิดความเสียหาย ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งเห็นว่าถูกต้องเหมาะสมแล้ว เมื่อบ้านเมืองไม่มีทางออก รัฐบาลไม่สามารถบริหารจัดการกับผู้ที่เห็นต่างได้ จึงมีคสช.และรัฐบาลเพื่อยุติความขัดแย้ง ให้บ้านเมืองเดินไปได้

ปัดส่งสัญญาณสอย-ซัดสื่อเลิกแบ่งสี

 พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า วันนี้จะอยู่เฉยไม่ได้ มิเช่นนั้นปัญหาความขัดแย้งไม่หมดสิ้น เมื่อทุกฝ่ายเรียกร้องความบริสุทธิ์ยุติธรรม จึงมีกระบวนการพิจารณาให้ 2 ฝ่ายชี้แจงเหตุผลแบบเปิดเผย ทั้งป.ป.ช.และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยนายกฯระบุว่าจะทำให้ประชาชนฟังข้อมูล 2 ทาง ดีกว่าโต้กันไปมาผ่านสื่อ ทั้งนี้ ช่วงหลังประเทศเราสงบมากขึ้น แต่ยังมีกลุ่มการเมืองใช้สื่ออิงการเมือง พยายามทำให้สังคมสับสน ซึ่งต้องระมัดระวัง เราจึงต้องส่งคนไปทำความเข้าใจว่าสื่ออย่าแบ่งสีคนไทยอีกเลย อย่าไปกระตุ้นสิ่งเหล่านั้นขึ้นมาอีก หากเกิดความขัดแย้งรอบใหม่จะแก้ไขลำบาก สรุปว่านายกฯเป็นห่วง แต่ไม่ถึงขั้นกังวล
 
 “โดยทั่วไปจะมีการวิเคราะห์วิจารณ์ว่ามีการส่งซิก ส่งสัญญาณ ซึ่งนายกฯกังวลว่ามีกลุ่มการเมืองบางส่วนที่มีสื่อในมือแล้วพยายามพูดทำนองว่า รัฐบาล คสช. กำลังไล่ล่า ตรงนี้ไม่ถูกต้องเหมาะสม พูดอย่างนี้ต้องการให้ประเทศกลับไปแบ่งฝ่าย แบ่งสี แบ่งกลุ่มอีกหรือ” พล.ต.สรรเสริญกล่าว

"บิ๊กป้อม-บิ๊กโด่ง"จับตาม็อบเคลื่อนไหว
   
 เมื่อถามถึงความจำเป็นในการประกาศกฎอัยการศึก รองโฆษกรัฐบาล กล่าวว่า คงไม่ถึงขนาดนั้น น่าจะเป็นแค่ความพยายามสร้างกระแส แต่เมื่อประชาชนร่วมกิจกรรมปรองดองแล้ว ก็ไม่น่าวิตกกังวล ดังนั้นกลุ่มการเมืองดังกล่าวอย่าทำภาพแบบนั้นอีก เมื่อถามว่าคสช.เชิญพวกที่ปลุกปั่นมาปรับความเข้าใจได้หรือไม่ พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า ยังมี เป็นเรื่องที่คสช.พิจารณาดำเนินการ แต่ต้องคิดหลายๆมุมว่าไม่ต้องการให้สังคมตื่นตระหนกหรือไปไล่บี้ใคร การทำงานจึงต้องรัดกุมรอบคอบ และอยากให้ทุกคนตระหนักด้วยตัวเองว่าเราต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง ถ้าตระหนักไม่ได้ คสช.คงมีวิธีจากเบาไปหาหนัก เช่น ยกหูคุยกันโดยปฏิบัติแบบแนบเนียน ให้เกียรติทุกฝ่าย
 
 ต่อข้อถามถึงการรับมือวันโหวตลงมติถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ รองโฆษกรัฐบาลกล่าวว่า ปกติพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม และพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหมและผบ.ทบ. ร่วมประชุมทุกครั้ง ดังนั้นจะบริหารจัดการเรื่องนี้ได้รัดกุมรอบคอบ ไม่ทำให้สังคมตื่นตระหนก อย่างไรก็ตาม ดูจากเสียงสะท้อนและบรรยากาศของประชาชนส่วนใหญ่ ก็ตอบรับว่าคสช.และรัฐบาลว่าเข้ามาแก้ปัญหาความขัดแย้ง ไม่ได้ไล่ล่าหรือมีธงใดๆ

ชี้สนช.ทรงคุณวุฒิ-อย่าเปรียบหมาหอน

 เมื่อถามถึงคืนวันที่ 22 ม.ค. ฝ่ายความมั่นคงต้องจับตาการเคลื่อนไหวใต้ดิน เพราะถือเป็นคืนหมาหอนหรือไม่ พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า ฝ่ายความมั่นคงดูแลอยู่แล้ว แต่คงไม่ถึงกับเพ่งเล็งพิเศษ เพราะสัญญาณทั่วไปขณะนี้ความคิดเห็นประชาชนไม่ได้กระพือไปตามสิ่งที่กลุ่มการเมืองจะให้เกิด
 
 “ความเคลื่อนไหวหมาหอน ผมว่าอย่าเอาไปเทียบกันเลย เพราะสนช.เป็นผู้มีคุณวุฒิ มีความสามารถรับฟังเรื่องแล้วใช้ดุลพินิจตกลง ไม่ได้เป็นคนชี้นำ สั่งการ หรือซื้อได้ ฉะนั้นไม่น่ามีคืนหมาหอน” รองโฆษกรัฐบาลกล่าว

 เมื่อถามว่าแต่ฝ่ายการเมืองไม่คิดเช่นนั้น พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า งั้นฝ่ายการเมืองก็หอนไป เพราะนายกฯกำชับฝ่ายความมั่นคงแล้วว่า ทำทุกอย่างให้เกิดความแนบเนียน ให้สังคมสบายใจ ตระหนักรู้ด้วยตัวเอง” พล.ต.สรรเสริญกล่าว

แฟนคลับปูเชียร์ได้-แต่ห้ามป่วน   
 
 รองโฆษกรัฐบาลยืนยันว่า รัฐบาลจะไม่ทำอะไรมากไปกว่าการทำความเข้าใจกับประชาชน และแสดงความบริสุทธิ์ใจว่า ต้องการให้ทุกคนทั้งประเทศฟังข้อมูลพร้อมๆกัน แต่เชื่อว่าไม่น่าจะมีการเคลื่อนไหวใดๆ เพราะสัญญาณที่ตรวจสอบออกมานั้นคือ ประชาชนไม่ได้ติดใจ แต่ต้องการฟังความทั้ง 2 ส่วน
 
 เมื่อถามว่า วันที่ 23 ม.ค.หากแฟนคลับจะไปให้กำลังใจน.ส.ยิ่งลักษณ์ทำได้หรือไม่ พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า การห้ามเป็นเรื่องที่ผิดวิสัย อยากให้กำลังใจก็ส่งกำลังใจไปได้ จะไปมองตา สบตา รู้ใจก็โอเค แต่ต้องเข้าใจบรรยากาศของบ้านเมืองด้วยว่า ถ้าทำอะไรมากไปกว่านี้จะเกิดความขัดแย้งขึ้นอีก ส่งผลกระทบต่อทุกคน ไม่แค่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด