16 ม.ค.58 ที่อาคารรัฐสภา การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช.ครั้งที่ 4/2558
โดยมี นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.เป็นประธานดำเนินการในการประชุม โดยมีระเบียบวาระการประชุมที่สำคัญคือ การประชุม สนช.เพื่อดำเนินกระบวนการถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่ง ตามมาตรา 6 วรรค 2 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 ประกอบมาตรา 64 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 โดยเป็นการซักถามประเด็นตามที่ที่ประชุม สนช.กำหนดตามญัตติของสมาชิก สนช.โดยคณะกรรมาธิการซักถาม ตามข้อบังคับการประชุม สนช.พ.ศ.2557 ข้อ 154 วรรค 3
ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่ได้มีการทักท้วงว่า ควรให้ผู้แถลงเปิดคดีคือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาตอบคำถามด้วยตัวเอง
โดย นายทวีศักดิ์ สูทกวาทิน ระบุว่า เนื่องจากว่าคำถามส่วนใหญ่เป็นการถาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ และมีการถ่ายทอดสดออกนอกบริเวณที่ประชุม ตนเกรงว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะนำข้อคำถามเหล่านี้ มาใช้ประกอบในการแถลงปิดคดี เปรียบเสมือนเด็กที่ลอกข้อสอบ ดังนั้น ตนขอให้ทาง กมธ.ซักถาม งดเว้นการถามผู้แทนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ส่วน นางนิสดารก์ เวชยานนท์ ระบุว่า ให้ทางคณะผู้ชี้แจงชี้แจงว่า อยากทราบเหตุผลว่า ทำไม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่มาตอบคำถามในวันนี้ ส่วน นายกิตติศักดิ์ รัตนะวราหะ กล่าวว่า กรณีนี้ไม่สมควรให้คนที่ไม่ใช่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาตอบคำถาม
จากนั้น นายพรเพชร จึงขอให้ผู้แทนของผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงว่าทำไม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่มาตอบในที่ประชุม
โดย นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชี้แจงว่า การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่มาตอบคำถามในวันนี้ เป็นไปตามข้อบังคับการประชุม สนช.พ.ศ.2557 ข้อ 154 ที่ระบุว่า ต้องกำหนดให้มีการประชุมเพื่อซักถามผู้เกี่ยวข้องภายใน 7 วัน และเป็นคำแนะนำของทีมทนายต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้ดำเนินการดังกล่าว
แต่หลังจากนั้น นายทวีศักดิ์ ได้ทักท้วงว่า คำชี้แจงของทีมทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั้น เป็นการตีความข้อบังคับเข้าข้างตัวเอง
ดังนั้น ตนขอยืนยันให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาตอบคำถามเอง อีกทั้ง นายสมชาย แสวงการ สมาชิก สนช.ในฐานะกรรมาธิการซักถาม ได้ถามผ่านประธานไปยังตัวแทนผู้ถูกกล่าวหาว่า เหตุที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่มาเป็นเพราะป่วย หรือติดภารกิจอื่นใด และเสนอให้เลื่อนการประชุมออกไปก่อน
ขณะที่ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สมาชิก สนช.ได้ลุกขึ้นเสนอขอให้เชิญผู้ถูกกล่าวหาและผู้กล่าวหา ออกจากที่ประชุม
เพื่อให้สมาชิกหารือกันเองก่อน ทำให้ นายพรเพชร วินิจฉัยว่า ถ้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่มานั้น ถือเป็นดุลยพินิจของคณะกรรมการซักถามว่าจะอย่างไร ซึ่ง พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร ประธานกรรมาธิการซักถาม ระบุว่า จะขอให้มีการหารือกันก่อนว่าจะเอาอย่างไร ต่อมาประธาน สนช.ได้วินิจฉัยให้เชิญผู้ถูกกล่าวหาและผู้กล่าวหา ออกจากที่ประชุม
หลังจากนั้น นายสมชาย ได้เสนอให้มีการประชุมลับ ตามข้อบังคับฯ ข้อที่ 13 ซึ่งที่ประชุมได้มีมติให้มีการประชุมลับเพื่อให้สมาชิกมีการปรึกษาหารือเพื่อจะดำเนินการซักถามคู่กรณี ภายหลังจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ผู้ถูกกล่าวหา ไม่ได้มาประชุมสภา