"นายกฯตู่" ขอบคุณ "สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์" เข้าใจสถานการณ์เมืองไทย เร่งขยายความสัมพันธ์ทุกมิติ พร้อมเล็งเป็นศูนย์กลางกระจายสินค้าเกษตร
เมื่อวันที่ 15 ม.ค. ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
นายมูฮัมมัด อาลี อะห์เมด อมราน อัล ชัมซี เอกอัครราชทูตสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยนายกรัฐมนตรี ได้ขอบคุณรัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่เข้าใจสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทยมาตลอด และชื่มชมการพัฒนาประเทศและการเติบโตของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ นอกจากนี้รู้สึกประทับใจที่เอกอัครราชทูตฯ มีโครงการสำหรับชาวไทยมุสลิมหลายโครงการ เช่น การบริจาคเงินสร้างมัสยิดและโรงเรียนสอนศาสนาอิสลาม การให้เงินสนับสนุนงบประมาณเลี้ยงอาหารละศีลอดผู้ต้องขังมุสลิมในเรือนจำทั่วประเทศไทย ในช่วงเดือนรอมฎอน และการให้เงินช่วยเหลือชาวไทยมุสลิมที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ให้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ เป็นต้น
ทั้งนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เคยตรัสไว้ว่า ทุกศาสนาในประเทศไทย ต้องได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดและเท่าเทียมกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้น้อมนำมาเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาในจังหวัดชายแดนใต้ ด้วยหลักสันติวิธีและความเท่าเทียม
นายกรัฐมนตรี ยังชื่นชมที่เอกอัครราชทูตฯ ได้ผลักดันการขยายความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในด้านต่าง ๆ
และเสนอให้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นศูนย์กลางในการกระจายผลผลิตทางการเกษตรแก่ไทย โดยเฉพาะข้าวไทย รวมถึงการร่วมลงทุนในการพัฒนาเขตเศรษฐกิจชายแดน ส่วนด้านการท่องเที่ยว ไทยยินดีให้การต้อนรับนักท่องเที่ยว ซึ่งมีนักท่องเที่ยวจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เดินทางมาเยือนไทยเพิ่มขึ้นทุกปี เป็นอันดับสองในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยเฉพาะการเดินทางมารับการรักษาพยาบาลที่ประเทศไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งในปีที่ผ่านมามีจำนวนถึง 155,000 คน และทั้งสองฝ่ายต่างยังเห็นพ้องให้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนในทุกระดับระหว่างกันมากขึ้น เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศในทุกมิติ.