กษิตท้วงรบ. เซ็นMOUรถไฟความเร็วสูงกับจีน-ญี่ปุ่น

กษิตท้วงรบ. เซ็นMOUรถไฟความเร็วสูงกับจีน-ญี่ปุ่น

"กษิต"ท้วงรบ. เซ็นMOUรถไฟความเร็วสูงกับจีน-ญี่ปุ่น เตือนควรให้ปชช.มีส่วนร่วมตรวจสอบ

นายกษิต ภิรมย์ อดีต รมว.ต่างประเทศ ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Kasit Piromya เมื่อวันที่ 14 มกราคม มีเนื้อหา ดังต่อไปนี้

วันนี้ขออนุญาตสวัสดีปีใหม่ทุกท่านนะครับ ล่าช้ากันไปครึ่งเดือนต้องขออภัย แต่อย่างไรก็ขออวยพรให้ทุกท่านสุขภาพดีทั้งกายใจ มีแรงมีกำลังทำงานและมีชีวิตอย่างมีความสุขกันถ้วนหน้าครับ

เดือนที่แล้วเพิ่งตั้งข้อสังเกตกันไปถึงเรื่องการเซ็น  MOU กับประเทศจีนในเรื่องการก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูง

สายหนองคาย–โคราช–แก่งคอย–มาบตาพุด–กรุงเทพฯ กันไปโดยไม่ได้มีการเปิดเผยถึงผลการศึกษาทางด้านต่างๆ ต่อสังคมไม่ว่าจะเป็นความคุ้มค่าทางการลงทุน ที่มีรายละเอียดต้นทุน ราคาตั๋วโดยสาร การบริหารงาน กำไรขาดทุน และผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งโดยปกติสมควรจะให้ประชาชนได้รับทราบก่อนจะมีการเริ่มโครงการขนาดใหญ่เหล่านี้ รวมไปถึงว่ารัฐฯ จะจัดหาทุนดำเนินการจากไหน อย่างไร

ทั้งนี้ทั้งนั้น รัฐบาลสมควรที่จะให้มีการเปิดประมูลอย่างเป็นธรรม ไม่ว่าจะเป็นบริษัทคนไทย หรือต่างชาติ ก็สมควรได้มีโอกาสเสนอราคาต่อสู้เพื่อให้ประเทศไทยได้ข้อเสนอที่ดีที่สุดในการลงทุน

ผ่านไปไม่ถึงเดือน รัฐบาลทหารท่านก็จะตกลงให้ญี่ปุ่นได้รับสิทธิ์ในการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อมตะวันตก-ตะวันออก อีก 3 เส้นทาง โดยเข้าอีหรอบเดิม คือไม่มีการเปิดเผยข้อมูลใดๆ ต่อสาธารณะชนล่วงหน้า

ผมเองเคยได้ท้วงติงไว้ก่อนหน้าแล้วว่า รัฐบาลชั่วคราวไม่ควรจะไปตัดสินใจเกี่ยวกับโครงการที่มีภาระผูกพันระยะยาว เพราะท่านมาเดี๋ยวเดียวแล้วท่านก็ไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน้าที่ของรัฐบาลชั่วคราวของท่านนั้นคือแก้ปัญหาที่ท่านอาสาเข้ามาแก้ คือการคัดท้ายประเทศให้กลับเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ด้วยการปฏิรูปกฏกติกาต่างๆ ในสังคมไทย

แต่ถ้าหากท่านว่าเรื่องระบบรถไฟนั้นเป็นเรื่องเร่งด่วน เป็นเรื่องสำคัญ ก็ไม่เป็นไร
 
ไม่ว่ากัน แต่อย่างน้อยในเมื่อท่านจะเป็นผู้วางรากฐานประชาธิปไตยของไทยในอนาคต ท่านก็ควรได้กระทำในสิ่งที่ผู้มีหัวใจประชาธิปไตยเขาทำกัน (แม้ตอนนี้จะไม่มีกฏหมายบังคับให้ท่านทำก็ตาม) นั่นก็คือให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการตรวจสอบผ่านทางการเผยแพร่ข้อมูลต่างๆ ของโครงการให้กับสาธาณะชนรับทราบ ทั้งแผนการลงทุน การบริหารจัดการ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งข้อมูลอื่นๆ ตามสมควร

และที่สำคัญคือการเปิดให้ทุกฝ่าย ทุกบริษัท ทุกสัญชาติ ได้มีโอกาสเสนอข้อเสนอ
 
แล้วนำมาพิจารณาเลือกข้อเสนอเป็นประโยชน์มากที่สุดต่อประเทศไทย แล้วค่อยให้สัมปทาน โดยมีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้จากทางภาคประชาชน
เพราะโครงการเหล่านี้ มีผลผูกพันระยะยาว และประชาชนก็คือผู้ที่จะต้องรับภาระเหล่านั้นผ่านทางภาษีไปอีกหลายปี จะให้พวกเขาตื่นมาแล้วเพิ่งรู้ผ่านทางหน้าหนังสือพิมพ์ หรือรายการอ่านข่าวเช้าว่ารัฐบาลของเขาไปตกลงทำสัญญาอภิมหาโครงการต่างๆ เรียบร้อยแล้วโดยที่เขาไม่รู้มาก่อน คงไม่ยุติธรรมกับประชาชนเท่าไหร่

ไหนๆ ท่านก็บอกว่าท่านมีหัวใจประชาธิปไตยเต็มเปี่ยม จะทำอะไรก็ช่วยกระทำตามครรลองประชาธิปไตยด้วยเถิดครับ ท่านจะได้ยังคงความสง่างามในหัวใจคนไทยเช่นเดียวกับวันที่ท่านตัดสินใจลุกขึ้นมาแก้ไขปัญหาประเทศ

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์