14 ม.ค.58 น.ส.วิเวียน ตัน โฆษกสำนักงานUNHCRประจำประเทศไทย (UNHCRThailand)
เปิดเผยถึงกรณีที่ให้สถานะผู้ลี้ภัยแก่นายเอกภพ เหลือรา หรือ “ตั้ง อาชีวะ” ผู้ต้องสงสัยกระทำความผิดตามมาตรา 112 ว่า ไม่อยู่ในฐานะที่จะให้ความเห็นกรณีส่วนบุคคลกรณีใดกรณีหนึ่งได้ ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการที่ดำเนินการโดย UNHCR หรือหุ้นส่วน ทั้งนี้เพื่อเหตุผลในการให้ความคุ้มครองและในกรณีที่เป็นความลับ ส่วนเฟซบุ๊กแฟนเพจของ UNHCRThailand นั้น กำลังปิดปรับปรุงอยู่
“หน้าที่ UNHCR คือ การช่วยเหลือผู้หนีภัยความขัดแย้งและความรุนแรงทั่วโลก
โดยการทำงานร่วมกับรัฐบาลประเทศต่างๆ การให้สถานะผู้ลี้ภัยกับใครจึงไม่เกี่ยวกับการเมือง แต่เพื่อมนุษยธรรม ส่วนการที่ประเทศใดจะตัดสินใจให้สถานะผู้ลี้ภัยแก่ผู้ยื่นขอนั้นขึ้นกับแต่ละประเทศ บางประเทศมีรัฐบาลเป็นผู้ดำเนินการ ขณะที่บางประเทศ เช่นประเทศไทย ไม่มีระบบดำเนินการเรื่องนี้ UNHCR จะเป็นผู้ดำเนินการให้กับผู้ลี้ภัยจากประเทศอื่นที่เข้ามาอยู่ในไทย”
สำหรับนิวซีแลนด์นั้น จะมีระบบภายในในการดำเนินการ
และจะตัดสินใจเองว่าจะให้สถานะผู้ลี้ภัยแก่ใครหรือไม่ แต่ไม่เกี่ยวข้องกับกรณีที่กำลังเป็นประเด็นอยู่ในประเทศไทย ที่ผ่านมา UNHCR พยายามทำงานใกล้ชิดกับรัฐบาล เนื่องจากต้องการความช่วยเหลือจากรัฐบาลทั่วโลก ส่วนกรณีที่เป็นประเด็นอยู่นี้ ไม่ว่า UNHCR ได้ดำเนินการสิ่งใดลงไป ขอยืนยันได้ว่าไม่มีเจตนาที่จะดูหมิ่นหรือสร้างความไม่พอใจให้แก่ทางการไทย
“เป็นเรื่องที่น่าเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่มีการยกเลิกการให้เงินบริจาคแก่ UNHCR เพราะ UNHCR พึ่งพิงเงินบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ลี้ภัยในประเทศไทย ซึ่งเงินเหล่านั้นถูกนำไปช่วยเหลือผู้ลี้ภัยจากพม่าและประเทศอื่น ๆ ที่อาศัยอยู่ในไทย คนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก ที่อยู่ในฐานะที่อ่อนแอ ซึ่งที่ผ่านมาไทยเป็นประเทศที่โอบอ้อมอารีในการยอมรับผู้ลี้ภัย เป็นแหล่งพักพิงของผู้ลี้ภัยมากกว่า 1 ล้านคน ทั้งจากอินโดจีนในอดีต และปัจจุบันจากพม่า และประเทศอื่นๆ”