เมื่อวันที่ 7 ม.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง เปิดเผยถึงการติดตามตัวผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบัน ที่ยังหลบหนีอยู่ในต่างประเทศ ว่า กระทรวงการต่างประเทศกำลังดำเนินการอยู่ ขณะเดียวกันกระทรวงอื่นก็มีการดำเนินการในเรื่องนี้ เพราะเป็นหนึ่งในนโยบายของรัฐบาลในเรื่องการปกป้องสถาบันและความมั่นคง แต่ด้วยบรรยากาศของรัฐบาลที่มาจากรัฐประหาร ประเทศต่างๆ ก็ต้องระวังตัว ดังนั้น สิ่งที่เราต้องทำมากขึ้นคือการทำความเข้าใจกับต่างประเทศว่าคดีที่คนเหล่านี้หลบหนีอยู่นั้นเป็นคดีอาญา และส่งผลกระทบกระเทือนต่อประเทศไทย ไม่ใช่คดีทางการเมือง และไม่ใช่การวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงวิชาการ ซึ่งถ้าคนเหล่านั้นยังไปเคลื่อนไหวทางการเมืองในประเทศใด ก็ต้องถามประเทศนั้น ๆ ว่าเขาจะช่วยอะไรได้บ้างในฐานะมิตรประเทศ เพราะผู้ต้องหาบางรายมีหมายจับ แต่กลับได้รับสิทธิพิเศษในการได้หนังสือเดินทาง(พาสปอร์ต)เพื่อใช้ในการลี้ภัย และยังคงเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งถือเป็นการทำผิดกฎหมายประเทศนั้นๆ ด้วย นอกจากนี้มีอีกทางคือการเทียบคดีแล้วใช้สนธิสัญญาเพื่อแลกเปลี่ยนตัวผู้ร้ายข้ามแดน เหมือนที่ไทยเคยร่วมมือกับกัมพูชา หรือถ้าไม่มีสนธิสัญญา ก็ต้องถามว่าจะร่วมมืออะไรได้บ้าง ในฐานะเพื่อนที่ดี
เมื่อถามว่ารัฐบาลได้ติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่หนีคดีด้วยหรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า รัฐบาลพยายามผลักดันเรื่องเกี่ยวกับกลไกที่ไม่ได้ทำงานมาในรอบหลายปีให้เดินไปได้ เพื่อรองรับการปฏิรูปที่มีเวลาจำกัด เพื่อให้เกิดความมั่นคง มิฉะนั้นจะเกิดวิกฤติอีก ส่วนเรื่องคดีของคนและกลุ่มสีต่างๆ ก็ให้เดินไปตามกระบวนการ และมีหน่วยงานติดตาม เพราะเป็นเรื่องของการบังคับคดีที่ปล่อยให้กลไกปกติทำงาน โดยไม่ได้ให้น้ำหนักในเรื่องใดมากหรือน้อย