'บิ๊กตู่ เร่งเคลียร์ศึกในศึกนอก กองทัพปรับใหญ่ จัดแถวเตรียมสถานการณ์การเมืองส่อลากยาวถึงปี 60
พบปัจจัยเสี่ยงนายทหารบิ๊กคสช.เกษียณปีนี้ยกแผง รัฐบาล คสช.จ่อขาลอยอำนาจหดหาย หลังพล.อ.เปรม ไฟเขียวส่งสัญญาณให้รัฐบาลอยู่ยาว ปล่อยข่าวกดดันบิ๊กนายพล ลาออกก่อนเกษียณเปิดทางขยับตำแหน่งระดับกุมกำลัง
เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. แหล่งข่าวจากกองทัพเปิดเผยว่า หลังจากพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ
กล่าวอวยพรปีใหม่ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.อยู่ยาวไม่มีวันเกษียณ อีกทั้งยังเป็นการส่งสัญญาณให้พล.อ.ประยุทธ์ ลดปัญหารอยร้าวในกองทัพให้จบลงโดยเร็ว ซึ่งเริ่มจากการโยกย้ายนายทหารระดับนายพลในปี 57โดยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม เป็นผู้จัดทำโผโยกย้ายเองจะมีแต่นายทหารสายบูรพาพยัคฆ์และเครือญาติขึ้นมากุมกำลังในกองทัพทั้งหมด
ซึ่งทางกองทัพ ได้ประเมินแนวโน้มทางการเมืองทำให้รัฐบาลคสช.ยังจะต้องอยู่ไปถึง 59 หรือถึงปี60
เพราะการร่างรัฐธรรมนูญแม้ว่า จะแล้วเสร็จภายในกำหนดในเดือนก.ย.58 แต่การออกกฎหมายลูกโดยเฉพาะการเลือกตั้งที่คืนกลับกระทรวงมหาดไทยไปดำเนินการทุกระดับ รวมทั้งหากต้องทำประชามติตามที่ทุกภาคส่วนเรียกร้องอาจจะต้องล่าช้ามีการตีความกันทุกมาตราเพราะเกี่ยวโยงกับการปฏิรูปประเทศใน 11 ด้าน
“ หากมีข้อผิดพลาดทางเทคนิคและร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่าน สนช.ทำให้รัฐบาล คสช.แบกรับสถานการณ์การเมืองที่ร้อนระอุอีกครั้ง จากรัฐธรรมนูญถาวรเริ่มปรากฏโฉมทำให้พรรคการเมืองต่าง ๆ ที่จะออกมากดดันอีกมากเพราะได้รับผลกระทบจากรัฐธรรมนูญใหม่พร้อมกับในห้วงเวลาเดียวกับต้องจัดแถวกองทัพครั้งใหญ่ให้เกิดความปึกแผ่นเป็นฐานอำนาจอย่างมั่นคงหากรัฐบาลต้องอยู่ยาวไปถึงปี60 “แหล่งข่าวกล่าวและว่า ดังนั้นการจัดโผโยกย้ายกองทัพในปี58 จำเป็นอย่างยิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ ต้องใช้บรรยากาศพูดคุยแบบพี่แบบน้องภายในกองทัพ เพื่อกลบรอยร้าวทั้งหมดซึ่งหัวใจคือความสงบนิ่งและเป็นเอกภาพในกองทัพ ที่พล.อ.ประยุทธ์ ต้องลงมือเองโดยไม่มีเด็กเส้นเด็กฝาก เหมือนที่ผ่านมา
อีกทั้งบรรดาบิ๊กนายพลที่รั้งตำแหน่งรัฐมนตรีและนั่งในคสช.เป็นกำลังหลักร่วมรัฐประหารเมื่อ 22 พ.ค.57เกษียณอายุราชการกันยกแผง
ส่งผลให้พล.อ.ประยุทธ์ และคณะคสช.เกิดอาการขาลอยจากฐานอำนาจทางกองทัพจะหดหายไปอย่างมาก โดยมีนายทหารสำคัญ ๆ เกษียณในปีนี้ระดับคุมกำลังหลักทั้งหมด อาทิ พล.อ.อุดมเดชสีตบุตร ผบ.ทบ.และรมช.กลาโหม(ตท.14) พล.อ.ฉัตรชัย สาลิกัลยะ รองผบ.ทบ.และรมว.พาณิชย์(ตท.12) พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์หัวหน้าฝ่ายเสธฯประจำกองบัญชาการและรมช.ศึกษาธิการ(ตท.14) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผู้ช่วยผบ.สส.และรมว.ยุติธรรม (ตท.15)พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผบ.สส.(ตท.12)และคณะคสช.ยังนั่งเป็นสนช.อีกตำแหน่ง และ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม(ตท.13)
ซึ่งในขณะนี้แม้จะการปล่อยข่าวมากดดันและยังมีการต่อกันรองกันอยู่
เพื่อให้นายทหารที่ควบตำแหน่งรัฐมนตรีลาออกก่อนเกษียณอายุราชการเพื่อเปิดทางให้มีการขยับตำแหน่งสำคัญๆในกองทัพได้อีกมาก แต่ทั้งหมดขึ้นกับพล.อ.ประยุทธ์ เท่านั้นที่จะมีคำสั่งโยกย้ายระดับนายพลช่วงเดือนเม.ย.นี้โดยล่าสุดมีการผลักดันพล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้ช่วยผบ.ทบ.(ตท.14) มีความสนิทสนมกับ พล.อ.ประวิตร ขึ้นเป็นผบ.ทบ.ต่อจากพล.อ.อุดมเดช แทนพล.อ.ปรีชาจันทร์โอชา น้องชายพล.อ.ประยุทธ์ เพราะไม่ต้องการให้เกิดภาพเหมือนยุครัฐบาลทักษิณที่ผลักดันให้เครือญาติและพวกพ้องเข้ายึดครองตำแหน่งระดับสูงในทุกหน่วยงานจึงเกิดรัฐประหารขึ้นเมื่อปี 49.