นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า การเมืองช่วงที่ผ่านมานั้นประชาชนทราบดีว่าเหตุการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้น เกิดจากการดำเนินงานด้านการเมืองที่ไม่ได้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล ไม่ได้ยึดหลักประชาธิปไตย จึงทำให้เกิดเงื่อนไขเเละเหตุการณ์ต่าง ๆ จนเกิดการรัฐประหารเกิดขึ้นมาอีกครั้ง
ส่วนปัญหาเรื่องความขัดเเย้งเเละมีการเสนอออกกฎหมายนิรโทษกรรมนั้น สำหรับตนคิดว่า ในประเทศประชาธิปไตยความขัดเเย้งหรือความคิดต่างนั้นมีได้ เป็นเรื่องธรรมดา แต่ก็ไม่สามารถเขียนกฎหมายให้คนห้ามขัดเเย้งกันได้ และควรทำความจริงให้ปรากฏว่าใครทำผิดก็ต้องได้รับการลงโทษ ใครไม่ได้ทำผิดก็ไม่ต้องรับผิด จึงจะสามารถทำให้ผู้ที่มีความขัดเเย้งยอมรับได้ทั้งสองฝ่าย ส่วนการแแก้ปัญหาของบ้านเมืองนั้น ไม่ได้อยู่ที่ทฤษฎีเเต่ควรอยู่ที่ภาคปฏิบัติที่ต้องกล้าที่จะลงโทษอย่างเเท้จริงกับผู้ที่โกงกินและกระทำผิด เเล้วความขัดเเย้งจึงจะค่อย ๆ ลดลงได้ เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านั้นคือผู้ที่มีตำเเหน่งหรือผู้รักษากฎหมายกลายเป็นผู้กระทำความผิดเสียเอง จึงต้องทำให้กฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์ ไม่ให้ฝ่ายผู้รักษากฎหมายเเละรับผิดชอบต่อประชาชนมาก่อเหตุเสียเอง
ส่วนความเห็นต่อกรรมมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญนั้น ตนเชื่อว่ายังไม่รอบคอบมากพอ เพราะวิกฤตทางการเมืองจนทำให้ทหารต้องออกมารัฐประหารทั้งสองครั้งที่ผ่านมานั้นไม่ได้เกิดจากกฎหมาย เเต่เกิดจากผู้ปฏิบัติที่ละเมิดกฎหมาย ไม่มีธรรมาภิบาลเสียเอง ดังนั้นผู้ร่างกฎหมายจึงควรไตร่ตรองให้รอบคอบ เเละตนเห็นว่าการเลือกตั้งเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้เเละควรตระหนักถึงบทบาทของประชาชน เเละส่วนตัว ตนไม่ขอวิจารณ์การทำงานของ พล.อ.ประยุทธิ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เเละให้กำลังใจ เนื่องจากประชาชนคาดหวังการทำงานไว้มาก