วันที่ 26 ธันวาคม ที่ห้องพิจารณาคดี 914 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
คดีหมายเลขดำ อ.1962/2552 ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีต ส.ส. สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 , 328 , 332
ฟ้องโจทก์สรุปว่า วันที่ 10 พฤษภาคม 2552 จำเลยได้ปราศรัยด้วยเครื่องกระจายเสียงต่อหน้าประชาชน จำนวนกว่าหมื่นคน
ใส่ความรัฐบาลนายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ (ขณะนั้น) ทำนองว่า เป็นรัฐบาลภายใต้ทรราชฟันน้ำนม รวมทั้งกล่าวหาว่า โจทก์เป็นคนสั่งทหารให้ไปยิงประชาชน เป็นฆาตกรมือเปื้อนเลือดฆ่าประชาชน ใส่ร้ายประชาชนกลุ่มคนเสื้อแดง โจทก์จะต้องถูกประหารชีวิตข้อหาฆ่าคนตาย และข้อความอื่น ๆ ซึ่งล้วนเป็นเท็จ การกระทำของจำเลยทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างมาก ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง จากประชาชนที่ได้ยินได้ฟังการปราศรัยของจำเลย เหตุเกิดที่วัดไผ่เขียว แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กทม. คดีนี้หลังจากศาลไต่สวนมูลฟ้องโจทก์แล้วเห็นว่า คดีมีมูล ให้ประทับรับฟ้องคดีไว้พิจารณา จำเลยให้การปฏิเสธ
โดยศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2555 ให้ยกฟ้องจำเลย
เนื่องจากเห็นว่าทางนำสืบรับได้ว่าเป็นกรณีที่ได้มีการปราศรัย แถลงข่าว วิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งเป็นการตอบโต้ทางการเมืองทางวิธีทางการเมืองระบอบประชาธิปไตย จึงยังไม่พอฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต่อโจทก์ยื่นอุทธรณ์ ขอให้ศาลวินิจฉัยข้อเท็จจริง ที่เป็นมูลเหตุที่นำมาสู่การกล่าวหมิ่นประมาท ที่มิใช่เพียงการโต้ตอบทางการเมือง
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนปรึกษาหารือแล้วเห็นว่า จากพยานหลักฐานที่โจทก์และจำเลยนำสืบมาแล้วนั้น
รูปคดีมีเหตุผลที่ทำให้จำเลยเชื่อว่ามีมูลเหตุในเรื่องที่จำเลยได้กล่าวถึงจริงซึ่งการกล่าวของจำเลยเป็นการปกป้องตนหรือป้องกันส่วนได้ส่วนเสียเกี่ยวกับตนตามทำนองคลองธรรมซึ่งเป็นการแสดงความเห็นโดยสุจริตตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา329(1) การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท อุทธรณ์โจทก์ฟังไม่ขึ้น ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นฟ้องด้วย พิพากษายืนยกฟ้องจำเลย
ด้าน นายไพบูลย์ โพธิ์น้อย ทนายความนายอภิสิทธ์ กล่าวภายหลังว่า หลังจากนี้จะกลับไปศึกษาสำนวนและเตรียมยื่นฎีกาสู้คดี เนื่องจากในท้ายสำนวนมีองคณะได้ทำความเห็นแย้ง ซึ่งมีความยาวกว่า 20 หน้า มีความเห็นว่า ให้ลงโทษจำคุกนายจตุพร 6 เดือนโดยไม่รอการลงโทษ