3 ธ.ค.57 ที่ห้องพิจารณา 904 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำสั่งของศาลอุทธรณ์คดีดำ อ.19/2557
ที่ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ และโฆษก กปปส.เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ ที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และอดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นจำเลย ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และหมิ่นประมาทผู้อื่นฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตารา 157 และ 326
จากกรณีเมื่อวันที่ 19 - 31 ธ.ค.56 นายธาริต จำเลย ขณะดำรงตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ ได้ดำเนินการให้คณะกรรมการคดีพิเศษ
รับคดีที่โจทก์ถูกกล่าวหาว่า กระทำผิดอาญาจากการชุมนุมทางการเมืองเป็นคดีพิเศษ โดยมิชอบด้วยกฎหมาย และหมิ่นประมาทโจทก์ด้วยการแถลงข่าว จึงขอให้ศาลลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมาย และให้จำเลยประกาศขอขมาโจทก์ทางหนังสือพิมพ์รายวัน เป็นเวลา 30 วัน
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้ยกฟ้อง ต่อมาโจทก์ยื่นอุทธรณ์ ขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งรับคดีไว้ไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ด้วย
ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้ว มีคำพิพากษากลับ ให้ศาลชั้นต้นรับคดีไว้ไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ต่อไป โดยนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ครั้งแรก ในวันที่ 23 ก.พ.58 เวลา 09.00 น.
ด้าน นายวิโรจน์ ภูมิศิริสวัสดิ์ ทนายความของนายเอกนัฏ กล่าวว่า คดีนี้นายเอกนัฏได้ยื่นฟ้องนายธาริต เมื่อครั้งยังปฏิบัติหน้าที่เป็นอธิบดีดีเอสไอ ซึ่งได้มีการออกคำสั่งดำเนินการอายัดบัญชีของกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.ที่เราเห็นว่าดำเนินการไม่ชอบ จึงยื่นฟ้องคดีต่อศาลอาญา แต่ว่าศาลได้มีคำพิพากษายกฟ้องไป โดยพิจารณาว่า นายธาริตมีอำนาจดำเนินการ ทั้งที่ยังไม่ได้ไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ให้ครบถ้วน
ดังนั้น เราจึงยื่นอุทธรณ์ ซึ่งวันนี้ศาลอุทธรณ์ได้มีคำสั่ง ให้ส่งสำนวนคดีกลับมาให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ครบถ้วน เพราะเห็นว่าโจทก์ยังไม่ได้นำพยานหลักฐานมาพิสูจน์ว่าการกระทำของจำเลยนั้นมีมูลหรือไม่ ซึ่งหลังจากนี้ฝ่ายโจทก์จะนำพยานหลักฐานเข้าไต่สวน เพื่อให้ศาลมีคำสั่งต่อไป