ผบ.ทบ.ชี้รับไม่ได้ ข้อเสนอบีอาร์เอ็น “อักษรา”เดินหน้า เจรจาสันติสุขใต้

เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)

ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการพูดคุยสันติสุข ภายหลังจากที่นายกรัฐมนตรีไทยได้หารือกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ว่า หน้าที่ต่อไปคงจะเป็นหน้าที่ของ พล.อ.อักษรา เกิดผล ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบก ในฐานะหัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุข จะเป็นคนรับผิดชอบต่อไป และจะเป็นคนวางแนวทางในการพูดคุยต่อไป อย่างไรก็ตาม ได้มีการพูดคุยกันแล้วในเรื่องรายละเอียดขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดระบบที่จะดำเนินการต่อไป ซึ่งจะพยายามทำให้ได้โดยเร็ว แต่ก็จะต้องเป็นขั้นตอน ซึ่งในขณะนี้อยู่ระหว่างการดูรายละเอียดเพื่อกำหนดต่าง ๆ ซึ่งขณะนี้ได้กำหนดไว้คร่าว ๆ แล้ว เพียงแต่รอความพร้อมเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์แล้วถึงจะดำเนินการต่อไป

ส่วนเรื่องข้อเสนอ 5ข้อของกลุ่มบีอาร์เอ็นนั้น ก็จะต้องมาดูอีกที
 
ซึ่งมีหลายอย่างที่เราตอบรับไม่ได้ เพราะขัดกับความเป็นชาติของเรา โดยจะต้องมีการปรับการพูดคุย ส่วนการดำเนินการที่ผ่านมาก็ใช้วิธีการใกล้เคียงกับนโยบาย 66/23 ในการเสริมสร้างความเข้าใจ และเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีแนวความคิดไม่ถูกต้องให้กลับเข้ามาอยู่ในกระบวนการที่ถูก

ด้าน พล.อ.อักษรา กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ทำงานและเตรียมคณะทำงาน โดยได้เพิ่มแม่ทัพภาคที่4
 
เข้ามาอยู่ในโครงการด้วย ซึ่งเป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งคณะการพูดคุยอยู่ในกรอบไม่เกิน 15คน ซึ่งกลางเดือน ธ.ค.นี้จะไปพูดคุยกับมาเลเซียเพื่อหาแนวทางอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งกลุ่มขบวนการยังไม่ได้แจ้งมาว่าจะส่งใครมาบ้าง ซึ่งจะต้องไปดูว่า ถ้าเขาส่งใครก็จะจัดคนไปพูดคุยให้เหมาะสม ทั้งนี้คณะทำงานจะประกอบด้วย เลขา สมช. กอ.รมน. กระทรวงการต่างประเทศ แม่ทัพภาคที่ 4 เป็นหลัก ส่วนจะเพิ่มเติมใครจะต้องดูถึงความเหมาะสมและหน้าที่รับผิดชอบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามในคำสั่งที่ 230/2557
 
เรื่องการจัดตั้งกลไกขับเคลื่อนกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (จชต.)เมื่อวันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมาก่อนที่คณะของ พล.อ.ประยุทธ์ จะเดินทางไปเยือนมาเลเซีย และได้หารือเป็นทางการกับ นายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เมื่อวันที่ 1ธ.ค.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ คำสั่งดังกล่าว ได้ระบุให้มีคณะกรรมการการพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยใช้ชื่อภาษาอังกฤษ “The Steering Committee for Dialogue” นอกจากนั้น ยังให้มีคณะประสานงานระดับพื้นที่ใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า “The Area-based inter-gency Coordination Working Group” ประกอบด้วย ผอ.รมน.ภาค 4 เป็นหัวหน้าคณะประสานงาน รองเลขาธิการ ศอ.บต.เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ฝ่ายตำรวจ ฝ่ายทหาร ภาคประชาสังคม ผู้ทรงคุณวุฒิที่เกี่ยวข้อง

วันเดียวกัน เวลา 09.00น.พ.ต.ต.ชลทร สังข์ทอง พนักงานสอบสวน สภ.เมือง จ.ปัตตานี

ได้รับแจ้ง เหตุรถยนต์หุ้มเกราะเจ้าหน้าที่ทหารร้อย ทพ.4404 ประสบอุบัติเหตุบนถนนทางหลวงสาย 42 ปัตตานี-นราธิวาส เป็นเหตุมีผู้เสียชีวิต 1 นาย และได้รับบาดเจ็บอีก 3 นาย มีพลเมืองดีช่วยนำส่งโรงพยาบาลปัตตานี หลังรับแข้งเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมือง พร้อมด้วยพนักงานสอบสวนรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุโดยพบมีผู้เสียชีวิตติดอยู่ภายในรถยนต์หุ้มเกราะ สภาพรถยนต์พังเสียหายจากการพลิกคว่ำทราบชื่อคือ ร.ท.ศักดิ์สิน(ผู้กองดำ) ชุมทอง ผบ.ร้อย ทพ.4404 เสียชีวิต ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาลก่อนแล้ว โดยสภาพรถนั้นได้รับเสียหาย

จากการสอบสวนทราบว่า ช่วงเวลาดังกล่าว ฉก.ทพ.44 โดย ร้อย.ทพ.4404 ได้จัดกำลังพล จำนวน 4 นาย

 เพื่อไปรับการสนับสนุนการส่งกำลังจาก ฉก.อโณทัยโดยใช้รถยนต์หุ้มเกราะ ในระหว่างทางได้เกิดยางรถระเบิดจนทำให้ประสบอุบัติรถยนต์หุ้มเกราะพลิกคว่ำบนทางหลวงหมายเลข 42 บริเวณ ม.3 บ.ดี ต.บาราโหม อ.เมือง จ.ปัตตานี เป็นเหตุให้ ร.อ.ศักดิ์สิน ชุมทอง ผบ.ร้อย.ทพ.4404 เสียชีวิต ส่วนผู้บาดเจ็บสาหัส 3นาย คือ อส.ทพ.มะนานูซี งอและ, อส.ทพ.ชำนาญ ทองรอดและอส.ทพ.ทินภัทร สีลาภเกื้อ รักษาตัวที่ รพ.ปัตตานี