นายกฯ ยันไม่เลิกกฎอัยการศึก ระบุไม่ขัด สปช. กมธ.ยกร่างฯ ถามความเห็นประชาชน ย้ำทำตามโรดแม็พ คสช. ขณะยกเลิกคำสั่งที่ส่งผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของสื่อไม่ได้พูดถึง
เมื่อเวลา 18.06 น.วันที่ 18 พ.ย. ที่อาคารรับรองเกษะโกมล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คณะรัฐมนตรี สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ได้เดินทางออกจากพื้นที่หลังจากประชุมเสร็จสิ้น ซึ่งใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง
พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ และโฆษกคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ
กล่าวภายหลังการประชุมร่วมของหน่วยงาน 5 ฝ่าย ว่า ที่ประชุมได้มีการให้แต่ละหน่วยงานชี้แจงการทำงานให้นายกรัฐมนตรีได้รับทราบ ซึ่งบรรยากาศการประชุมดีมาก มีการแลกเปลี่ยนความเห็นกันในที่ประชุม โดยนายกฯ ได้กำชับว่าอยากให้การทำงานด้านการปฏิรูปนั้นเดินหน้าได้ โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก หาก กมธ.ปฏิรูปทั้ง 18 ด้าน มีเรื่องอะไรก็สามารถส่งให้ คสช. หรือรัฐบาลสามารถดำเนินการได้เลยเพื่อที่จะเร่งรัดให้เป็นผลโดยเร็ว ส่วนที่สอง เรื่องใดที่ต้องตราเป็น พ.ร.บ. ก็ให้มีการผ่าน สนช. หรือ ครม. อย่างไรก็ตามนายกฯ อยากให้เป็นผลการปฏิรูปให้ชัดเจนว่าสามารถดำเนินตามได้ตามโรดแม็พและเป้าหมายที่วางไว้ทั้ง 11 ด้าน
นอกจากนี้ ในส่วนของกฎอัยการศึกนั้นไม่มีการพูดถึง และยังคงมีการใช้อยู่ในขณะนี้
ส่วนการรับฟังความคิดเห็นของ สปช.หรือ คณะ กมธ. ยกร่างฯ ก็สามารถดำเนินการได้ในกรอบที่ไม่ขัดต่อกฎอัยการศึก เป็นการทำงานร่วมกันของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่กับฝ่าย สปช.กมธ.ยกร่างฯ ก็สามารถดำเนินการได้อยู่แล้ว ทั้งนี้ไม่ได้มีการพูดถึงการยกเลิกคำสั่งที่ส่งผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของสื่อ
พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าวอีกว่า สำหรับประเด็นการทำประชามติ นายกเปิดช่องไว้ว่าให้รอดูสถานการณ์ไปก่อน
เพราะยังมีเวลาอีก 7-8 เดือน ในการแก้กฎหมายไม่ได้ถึงกับว่าจะไม่ทำเลยส่วนการยกร่างรัฐธรรมนูญนั้นนายกรัฐมนตรีตั้งข้อสังเกตไว้ว่า เมื่อยกร่างเสร็จแล้วและพร้อมที่จะประกาศใช้นั้นต้องมีขั้นตอนของกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องเร่งดำเนินการให้เสร็จเพื่อที่จะสามารถจัดการเลือกตั้งได้ รวมถึงกฎหมายลูกอื่นๆ อีก เนื่องจากรัฐธรรมนูญปี 40 และ 50 กฎหมายส่วนใหญ่ไม่สามารถตราเป็น พ.ร.บ. ได้.