'ประวิตร'พ้อ คนฟังรายการ 'คืนความสุข' น้อยลงทั้งที่นายกฯอุตส่าห์ทำงานหนัก ขอโอกาสไม่นานหลังรธน.เสร็จค่อยว่ากัน ไม่สนสื่อฯขอยกเลิกประกาศคสช. ย้ำนายกฯรู้ดีว่า ควรทำอะไรก่อนหลัง ปัดพรรคการเมืองรวมตัวเสนอแนะร่างรธน.
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 17 พ.ย. ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.)
ถ.ราชดำเนิน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะ รมว.กลาโหม พร้อมด้วยพล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผบ.ทหารสูงสุดและผู้แทนผบ.เหล่าทัพ ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมกองทัพบก โดยมีพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหมในฐานะผบ.ทบ.พร้อมคณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพบกให้การต้อนรับ จากนั้นพล.อ.ประวิตรได้ตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ พร้อมสักการะพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 ที่ห้องพระบารมีปกเกล้าฯภายในอาคารพิพิธภัณฑ์กองทัพบกเฉลิมพระเกียรติ และประกอบพิธีถวายสักการะวางพานพุ่มพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 ก่อนเข้ารับฟังบรรยายสรุปผลการปฏิบัติงานและมอบนโยบายการปฏิบัติงานให้กองทัพบก
พล.อ.ประวิตร กล่าวภายหลังตรวจเยี่ยมกองทัพบก ถึงกรณีที่ทหารเข้าไปขอความร่วมมือกับองค์กรสื่อต่าง ๆ ในการนำเสนอข่าวที่กระทบต่อการปฏิรูปประเทศ ว่า
ขณะนี้รัฐบาลและคสช.กำลังดำเนินการ เพื่อให้ประเทศเกิดความปรองดอง สิ่งใดที่ทำให้เกิดความไม่ปรองดองหรือเกิดความแตกแยก เราก็ไม่อยากให้ทำ อยากขอให้พักและรอไว้ก่อน ขณะนี้เรามีสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.)และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในการดำเนินการเรื่องนี้ ซึ่งทางพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. เคยบอกไว้แล้วว่า ขอให้รอ 1 ปี ซึ่งเป็นไปตามโรดแม็พที่คสช.และรัฐบาลกำลังเดินตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน เพราะฉะนั้นตนก็ไม่ทราบว่า จะเร่งรีบไปไหน รัฐบาลชี้แจงมาโดยตลอดโดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงทุกวันศุกร์ ว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังทำอะไร และคสช.กำลังทำอะไร ตนไม่เห็นว่า จะมีอะไรตรงไหนที่ทำให้เกิดความไม่พอใจ และเกิดความแตกแยกขึ้น ดังนั้นอะไรที่จะทำให้ประชาชนเกิดความไขว้เขวและสับสนจะต้องไม่ทำ
“ ผมไม่ต้องบอกว่า สิ่งใดล่อแหลมหรือไม่ล่อแหลม ไม่ต้องอธิบาย เพราะทุกคนต้องเข้าใจ รัฐบาลและคสช.ไม่ได้ดำเนินการนอกเหนือจากกฎหมายและรัฐธรรมนูญ ผมอยากให้ทุกคนฟังนายกฯ พูดเพราะถ้าไม่ฟังก็ไม่รู้ ” พล.อ.ประวิตร กล่าว
เมื่อถามว่า โอกาสที่องค์กรสื่อเรียกร้องยกเลิกประกาศคสช.ฉบับที่ 97 และ 103 พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า
ขณะนี้รัฐบาล และคสช.กำลังทำงานอยู่จะให้ไปยกเลิกอะไร สิ่งใดที่เห็นว่าสามารถผ่อนปรนได้ก็จะดำเนินการเอง คสช.มีคณะกรรมการและเจ้าหน้าที่ดูแลสถานการณ์ตลอด ไม่จำเป็นต้องมาบอก นายกฯรู้ดีว่า ช่วงเวลาไหนควรดำเนินการอย่างไร พรรคการเมืองก็เช่นกัน เราเปิดโอกาสให้มี สปช.และทำไมไม่ไปสมัคร เราเปิดดำเนินการให้ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับกับการปฏิรูป ยอมให้ทุกเรื่องแล้วทำไมต้องไปทำอะไรที่ขัดต่อกฎหมาย ตนไม่เข้าใจ เมื่อเปิดรับสมัครสปช.ก็ไม่มาสมัคร ให้เข้ามาชี้แจงก็ไม่มา อยากจะทำอะไรก็เสนอ สปช.ได้ ที่เขาพร้อมจะดูแลทั้งหมด
เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะให้พรรคการเมืองจัดประชุมพรรค เพื่อนำข้อมูลไปเสนอต่อคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ข้อมูลเขียนเมื่อไหร่ก็ได้และก็ส่งไป ไม่จำเป็นต้องรวมตัวกัน 200-300 คน ตนเชื่อว่าหัวหน้าพรรคมีศักยภาพพอทางเราก็ไม่ได้ห้ามหัวหน้าพรรค ถ้ามีความสามารถในการเขียนหนังสือได้ก็ทำได้หมด และหลังจากที่คสช.เข้ามาบริหารประเทศเกือบ 6 เดือนแล้ว ก็เห็นว่าบ้านเมืองก็มีความสงบทุกอย่างถ้าทำตามกฎหมาย และทำตามที่ คสช.และรัฐบาลแนะนำ ก็จะไม่มีอะไร ขอให้ฟังนายกฯ ที่ทำงานเหนื่อยและพูดทุกวันศุกร์ ตนอยากให้ทุกคนฟัง เพราะเดี๋ยวนี้คนที่ฟังก็ไม่อยากฟังอีกแล้ว สมัยก่อนก็ว่า พูดดี นายกฯ อุตส่าห์ทำงานทุกอย่าง การทำงานนี่เพิ่งผ่านมา 4-5 เดือน ขอเวลาอีกไม่นาน พอรัฐธรรมนูญเสร็จก็ว่ากันไปเลย
นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ยังได้กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จะเดินทางไปเยือนประเทศมาเลเซีย ว่า การเดินทางไปครั้งนี้ได้มีการเตรียมข้อมูลทั้งหมด แต่ขณะนี้ยังไม่ได้มีการจัดตั้งทีมงานเพื่อเดินทางไปพูดคุยสันติภาพกับ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งกำลังพิจารณาว่า จะแต่งตั้งใครที่มีความเหมะสม
ส่วนกรณีที่ทางสาธารณรัฐประชาชนจีนเรียกร้องให้ไทยส่งชาวอุยกูร์กลับประเทศ สาธารณรัฐประชาชนจีน
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ทางจีนและทางไทยจะต้องมาตกลงกันว่าหากทางอุยกูร์ คืน สัญชาติแล้วจะดำเนินการ อย่างไรต่อไป และที่มีความเป็นห่วงว่าหากชาวอุยกูร์ กลับไปประเทศจีนแล้วจะไม่ได้รับความปลอดภัยนั้น ทางประเทศจีนรู้ว่า ต้องดำเนินการอย่างไรเพราะเขาเป็นประเทศมหาอำนาจ.