พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-อินเดีย ครั้งที่ 12 ซึ่งเป็นการประชุมระดับผู้นำประจำปี ที่จัดขึ้นในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียนในช่วงปลายปี มีวัตถุประสงค์เพื่อติดตามความคืบหน้าของความร่วมมือ กำหนดทิศทางในอนาคต และสนับสนุนบทบาทของอินเดียในภูมิภาค โดยในครั้งนี้ นายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐอินเดีย ได้เข้าร่วมประชุมเป็นครั้งแรก ภายหลังการเข้ารับตำแหน่งใหม่ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯได้กล่าวต้อนรับในโอกาสนี้ด้วย
คือการเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนด้านเศรษฐกิจ การที่อาเซียนและอินเดียลงนามความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-อินเดีย ด้านการค้าบริการและการลงทุน เมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ทำให้ทั้งสองฝ่ายมีโอกาสที่จะเพิ่มความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างกัน โดยขอให้ทั้งสองฝ่ายใช้ประโยชน์จากความตกลงนี้อย่างเต็มที่ เพื่อให้ร่วมกันบรรลุเป้าหมายการเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันเป็น 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2558
การประชุมครั้งต่อไปที่อินเดียจะเป็นเจ้าภาพ เรามีความคาดหวังว่า อินเดียจะมีบทบาทนำในการเจรจาหาข้อยุติในประเด็นที่ค้างคาอยู่ และผลักดันการเจรจาให้มีความคืบหน้า เพื่อให้เราเป็นเขตการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดในโลก
เนื่องจากอินเดียใกล้ชิดอาเซียนทางทั้งทางภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ความเชื่อมโยงจะช่วยเสริมสร้างศักยภาพในการรองรับตลาดที่ใหญ่ขึ้นทั้งจากการก่อตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน การจัดทำเขตการค้าเสรีอาเซียน-อินเดีย และ RCEP เพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งสองฝ่าย แนวทางสำคัญหนึ่งคือการเสริมสร้างเครือข่ายคมนาคมที่มีประสิทธิภาพระหว่างกันอย่างรอบด้าน ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ รวมทั้งการพัฒนากฎระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่ออำนวยความสะดวกการเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ และประชาชน
ในขณะเดียวกัน ควรพัฒนากฏระเบียบเกี่ยวกับการขนส่งและการอำนวยความสะดวกตามชายแดนควบคู่กันไป เพื่อให้อาเซียนและอินเดียสามารถใช้ประโยชน์จากเส้นทางนี้โดยเร็วและมีประสิทธิภาพมากที่สุด นอกจากนี้ อาเซียนและอินเดียควรสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เช่น การจัดทำเขตเศรษฐกิจร่วมกัน หรือสร้างนิคมอุตสาหกรรมที่เป็นเครือข่ายระหว่างกัน เพื่อสร้างความแข็งแกร่งของพื้นที่ห่างไกล รวมทั้งต้องส่งเสริมโอกาสทางการค้าและการลงทุนระหว่างประชาชนทั้งสอง
เพื่อให้มีความเชื่อมโยงจากเวียดนามถึงอินเดีย โดยพัฒนาเส้นทางสำคัญทางยุทธศาสตร์ อาทิ ระเบียงเศรษฐกิจดานัง สะหวันนะเขต มุกดาหาร เมาะลำไย กับระเบียงอุตสาหกรรมเดลี มุมไบและเศรษฐกิจเจนไน ยังกาลอร์ของอินเดีย ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการค้าระหว่างอาเซียนและอินเดีย รวมทั้งการเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาคในอนาคต
การบริหารจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากความเชื่อมโยงเป็นประเด็นที่อาเซียนและอินเดียจะต้องเร่งหารือกัน เพื่อรักษาพลวัตของความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการรักษาความมั่นคงควบคู่กันไป ตัวอย่างของภัยคุกคามที่ทั้งสองฝ่าย ต้องเฝ้าระวังร่วมกัน คือ การก่อการร้าย อาเซียนและอินเดียต้องขยายความร่วมมือด้านการต่อต้านการก่อการร้าย รวมทั้งปัญหาอาชญกรรมข้ามชาติ เพื่อรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค และเสริมสร้างความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจให้รุ่งเรืองต่อไป
ต้องเร่งผลักดันให้อาเซียนและอินเดียสามารถใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของทั้งสองฝ่าย ผ่านโครงการความร่วมมือทางวิชาการ การวิจัย และการถ่ายโอนเทคโนโลยีในสาขาต่างๆ อาทิ การแพทย์ วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีชีวภาพ และเทคโนโลยีสารสนเทศ การเสริมสร้างความร่วมมือดังกล่าวเป็นปัจจัยสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์และการเพิ่มมูลค่าต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจของทั้งสองฝ่าย ซึ่งจะนำไปสู่การยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตของประชาชน