ถึงเรื่อง การจัดเก็บภาษีมรดกที่ทาง ครม. จะพิจารณาว่า เรื่องนี้อาจจะทำให้เกิดความเห็นที่แตกต่างกันบ้าง แต่คงไม่ถึงขนาดขัดแย้งเพราะที่ผ่านมาสังคมพูดเรื่องนี้กันมาพอสมควร ซึ่งตนมองว่าจะเป็นกระบวนการที่ดีในการลดความเหลื่อมล้ำของผู้คนในสังคม เพียงแต่ว่าต้องมาดูว่าจะทำอย่างไร ที่จะทำให้เกิดความมั่นใจว่า ไม่ได้ไปรังแกคนยากจน คนเบี้ยน้อยหอยน้อย หรือแม้แต่คนที่ร่ำรวย ซึ่งจะทำให้เค้าคิดว่าจะไม่ขนเงินออกไปนอกประเทศกันหมด ให้เขามีความมั่นใจว่ารัฐบาลจะให้ความเป็นธรรมตรงนี้กับเขาได้ ซึ่งในหลักการของกฎหมายภาษีมรดกนั้น จะให้ความเป็นธรรมพอสมควร หลายประเทศเขาเก็บภาษีจาก 1 บาทแรกของมรดก แต่ของเรา 50 ล้านบาทแรกไม่เสียภาษีมรดก เสียตั้งแต่ 50 ล้านบาทขึ้นไป และถ้ามีหนี้ก็ให้ไปหักหนี้ก่อนด้วยซ้ำ
นายวิษณุ กล่าวว่า คงไม่ได้ตั้งใจไปไล่ตามเก็บหรอก แต่มีการกำหนดขึ้นมาให้เป็นระบบระเบียบไว้แล้ว เราก็เก็บไปเท่าที่เก็บได้เหมือนภาษีอื่นๆ นั่นแหล่ะ แม้ว่าอาจจะเล็ดลอดไปได้บ้าง ก็ยังดีเพราะทำให้คนจำนวนหนึ่งได้มองเห็นว่าในสังคมนี้ยังมีการลดความเหลื่อมล้ำ ลดช่องว่างตรงนี้ “รัฐบาลต้องการทำตรงนี้ให้เห็นว่า เราไม่ได้ต้องการเอาภาษีนี้มาทำอะไร ตรงกันข้าม ใครที่มีมรดกแล้วเอาไปตั้งมูลนิธิ รัฐบาลไม่เก็บเลย ไม่อยากได้เลย วันนี้ใครหนีเอาไปทำแบบนี้ได้ ก็สาธุ! ด้วย ถ้าเอาไปทำการกุศล ให้วัด ให้โรงพยาบาล การศึกษา ถ้าให้องค์กรเหล่านี้รัฐบาลไม่เก็บภาษี แต่ถ้าอยู่ดีๆ ได้เงินมาฟรีๆ เปล่าๆ ก็ต้องเสียภาษีคืนให้กลับสังคมบ้าง”นายวิษณุ กล่าว