“อภิสิทธิ์”ห่วงปัญหาเศรษฐกิจ หวั่นขึ้นราคาแอลพีจี-ดีเซล บั่นทอนกำลังซื้อประชาชน ทำเศรษฐกิจทรุด เก็บภาษีไม่เข้าเป้า
เมื่อวันที่ 23 ต.ค.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวแสดงความเป็นห่วงปัญหาเศรษฐกิจในตอนนี้
เนื่องจากดัชนีความเชื่อมั่นลดลงติดต่อมาเป็นเดือนที่ 2 ซึ่งสะท้อนให้เห็นความอ่อนแอในกำลังซื้อของประชาชน แม้จะไม่ใช่ความผิดของรัฐบาลนี้ แต่มาตรการที่จะทำให้ประชาชนมีกำลังซื้อ จึงสำคัญมาก หากกำลังซื้อของประชาชนอ่อนแอ การส่งออกยังไม่สามารถเป็นตัวขับเคลื่อนได้ ภาคการลงทุนยังรีรออยู่ สิ่งที่สำคัญคืออย่าทำลายกำลังซื้อประชาชน และหากเดินหน้าขึ้นราคาแก๊สทุกเดือน แล้วไปขึ้นราคาดีเซลด้วย ตัวนี้จะทำให้เศรษฐกิจเกิดปัญหารุนแรงมาก ไม่คุ้ม สุดท้ายที่รัฐคิดประหยัดเงินจากมาตรการเหล่านี้ แต่ไม่ใช่ เพราะหากเศรษฐกิจทรุด รัฐบาลเองจะเดือดร้อนจากการเก็บภาษีไม่เข้าเป้า
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่ไม่สบายใจคือเรื่องราคาก๊าซอย่างกรณี LPG เป็นการใช้เพื่อความจำเป็นในการดำรงชีวิต ไม่มีใครใช้ฟุ่มเฟือย
เพราะใช้เกือบทุกครัวเรือ ดังนั้นควรให้ใช้ในราคาต้นทุน แต่ปิโตรเคมี อุตสาหกรรม ก็ว่าไปตามกลไกตลาด อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจตอนนี้หลายคนกังวลมาก มาตรการที่จะทำให้ประชาชนมีกำลังซื้อสำคัญมาก ตนคิดว่าที่ทำมาขณะนี้ยังมีจุดอ่อนอยู่ เช่น กรณีข้าวมาตรการที่ออกมานี้ก็จะไปติดปัญหาเกษตรกรจำนวนมาก ซึ่งไม่สามารถได้ประโยชน์ เพราะว่าไม่ใช่เจ้าของที่ดิน กรณียางผลตอบแทนที่ได้ ก็ยังค่อนข้างต่ำ และรัฐบาลเริ่มมาถูกทางในแง่ที่ว่าก็ประกาศเรื่องยางให้เป็นวาระแห่งชาติ
“เมื่อสถานการณ์เป็นอย่างนี้ กำลังซื้อค่อนข้างอ่อนแอ ส่งออกยังไม่สามารถที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนได้ การลงทุนคนยังรีรออยู่ สิ่งที่สำคัญคืออย่าทำลายกำลังซื้อประชาชน ส่วนเรื่องพลังงานถ้าเดินหน้าขึ้นค่าแก๊สทุกเดือน แล้วก็ไปขึ้นดีเซล ผมเห็นว่าตรงนี้จะทำให้เศรษฐกิจเกิดปัญหารุนแรงมาก มันไม่คุ้มและถ้าเศรษฐกิจทรุด รัฐบาลจะเดือดร้อนจากการเก็บภาษีไม่เข้าเป้า”นายอภิสิทธิ์ กล่าว.