วันเสาร์ที่ปลายซอย 1 เมษายน 2549 กองบรรณาธิการ
ใน"ซาก"ย่อมมีสิ่ง"ดี"ซ่อน
เปลว สีเงิน
"เหตุอัปยศ" ถล่มเวทีปราศรัยประชาธิปัตย์ที่เชียงใหม่ เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๔๙ คนที่ทำเช่นนั้น ต้องการจะแบ่งประเทศไทยเราให้เป็น "ไทยเหนือ-ไทยใต้" แล้วยกภาคเข้าตีกันงั้นหรือ?
ผมออกตัวแทน "พี่น้องเชียงใหม่" ได้เลยว่า เหตุที่เกิดนั้น ไม่ใช่ความประสงค์ของคนเชียงใหม่
เป็นการกระทำด้วยความโฉดเขลาของ "สมุนรับใช้การเมือง" บางคนเท่านั้น โดยหาคิดไม่ว่า การกระทำหยาบช้าเช่นนั้น นอกจากประชาธิปัตย์ไม่เสียหายอะไรเลยแล้ว
นายกฯ ทักษิณ-พรรคไทยรักไทย นั่นตะหากที่ "เสียหาย" เต็มๆ ในเหตุที่เกิด!
แต่ใครก็อย่าไปโทษนายกฯ ท่าน ผมเชื่อว่าระดับท่านไม่สั่งให้ใครไปทำอะไรหมาๆ อย่างนั้นเด็ดขาด
ฉะนั้น ผมว่า พี่น้องชาวใต้ทั้งหลาย ควรแยกแยะภาพรวมในความเป็นภาค และในความเป็นปัจเจกชนให้ชัดเจน
แล้วรักษาระดับแห่งจิตที่สูงกว่าเอาไว้
อย่าลดตัวลงไปถือเหตุกับบางคนใน "ระบบทักษิณ" เลย!
เรื่อง "คม ชัด ลึก" กับ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล นี่ก็เป็นบรรยากาศชุลมุนต่อเนื่อง เมื่อวานนี้ เห็นมีนายทหาร ๙ นาย ตามข่าวบอกว่าเป็นเตรียมทหาร รุ่น ๑๗ ๑๘ และ ๒๐ จากกองบัญชาการทหารสูงสุด
ไปพบ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. ยื่นหนังสือกล่าวโทษ ให้ดำเนินคดีกับ "คม ชัด ลึก" และคุณสนธิ ในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
ท่านอ้างว่า มาแจ้งความในฐานะประชาชนทั่วๆ ไป ไม่ได้มาแจ้งในฐานะทหาร
มาแจ้งในฐานะประชาชนทั่วไป แต่ผมเห็นแต่ละคนแต่งเครื่องแบบเต็มยศเลยนะครับ?
ความจริง ไม่น่าต้องรบกวนท่าน ๙ นายพลให้ต้องสวมเครื่องแบบมาแจ้งความให้ปรากฏเป็นข่าวก็ได้ เพราะถึง ณ ขณะนี้ ดูเหมือนว่า ภายใต้บารมีระบบทักษิณ กลุ่ม องค์กรต่างๆ ไม่ว่าทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ยกเว้นภาคขอทาน
นอกนั้น เกิดเดือดเนื้อร้อนใจ ทยอยตบเท้าเข้าแจ้งความกับ "คม ชัด ลึก" และคุณสนธิพร้อมเพรียงกันดังปาฏิหาริย์?!
อ้อ..แล้วท่าน ๙ นายพลช่วยใช้วิจารณญาณใคร่ครวญคำพูดซัก ๒-๓ ประโยคนี้สักหน่อยซิครับ และวินิจฉัยด้วยว่าเข้าข่าย "หมิ่น" หรือไม่ อย่างไร เช่นประโยคว่า
-ถ้านายกฯ ไม่จงรักภักดี ผีที่ไหนจะจงรักภักดีวะ"
-ถ้าในหลวงมากระซิบข้างหูว่า ออกเถอะ ผมจะกราบพระบาทบังคมลาทันที"
-ผมเป็นนายกฯ พระราชทานอยู่แล้ว ถ้าผมได้รับเลือกตั้ง พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ผมเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว"
-โผทหารที่นายกฯ เซ็นแล้ว ใครจะกล้าเปลี่ยน"
ครับ..บนดุลยพินิจของคนใต้ธงชัยเฉลิมพล-คนในสถาบันทหาร ผมเชื่อใจว่าจะทราบผลจากดุลยพินิจอันเที่ยงธรรมของเหล่าท่านในเร็ววันนี้
คำว่า "หมิ่นสถาบัน" หรือคำว่า "หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ" ถึงอย่างไร ด้วยจิตสำนึกแห่งภักดี ผมก็ยังเห็นว่า เป็นข้อหาที่แฝงไว้ด้วยความศักดิ์สิทธิ์แห่งดุลยธรรมพิทักษ์ในตัว
บางครั้ง ใช่ว่าคนที่ถูกกล่าวหาจะมีมลทิน แต่คนที่ทำข้อหานี้ไปกล่าวหาใครด้วยสัญเจตนาซ่อนเร้น
ตัวเองนั่นแหละกลับเป็นฝ่าย..ต้องมลทิน!
"สถาบันเบื้องสูง" โดยจิตตระหนักรู้ของคนทั้งชาติ คือสถาบันผู้ทรงคุณ ฉะนั้น จะกล่าวถึง จะนำไปใช้ ก็ควรกล่าวถึงและนำไปด้วยจิต "เทิดพิทักษ์" สถาบันเบื้องสูงในการณ์อันเป็นที่ประจักษ์
เพื่อให้ชาติและประชาชนเคี่ยวข้นเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน
หาควรไม่ที่จะนำ "สถาบันเบื้องสูง" ไปใช้ในลักษณะ ฉวยจังหวะตีความเพื่อเข่นฆ่าอีกฝ่าย การทำเช่นนี้เป็นโทษ นอกจากจะทำให้พสกนิกรร่วมชาติขาดรัก-แตกเป็นฝักฝ่ายแล้ว
"ดุลยธรรม" จะไม่พิทักษ์ผู้มีเจตนาไม่สุจริตในการใช้ "นามสถาบัน" ไปเป็นข้อกล่าวหาให้โทษกับผู้อื่น ไม่เชื่อก็คอยดู!?
ผมมีแฟกซ์มาถึง ๒ แผ่น แผ่นแรกบอกว่า "ช่วยส่งให้ คม ชัด ลึก ด้วย เพราะไม่มีเบอร์
ก็เป็นพระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถ้าผมจำไม่ผิด จะเป็นตอนหนึ่งในพระบรมราโชวาท เมื่อ ๔ ธันวาคม ๒๕๔๘ นี่เอง มีความว่า
ขอให้มีความอดทน
การทำงานทุกอย่างที่เราอุทิศตนไปแล้ว
ถ้าเราได้รับการยกย่องกลับมาในเดี๋ยวนั้น
มันก็ไม่มีอะไรเหลือ
เหมือนกับเราลงแรงทำงาน
ถ้าเราได้ค่าจ้างตอบแทนก็จบกันไป
แต่ถ้าทำงานแล้วไม่ได้ค่าจ้างหรือคำสรรเสริญ
สิ่งเหล่านั้นก็เป็นกำไรของเราที่ฝากไว้
และยิ่งกว่านั้น ถ้าเราทำงานที่ต้องรับภาระ
เป็นเป้าให้ทุกคนโจมตีมาที่เรา
โดยที่เราปกป้องเพื่อประโยชน์ส่วนรวม
อันนี้ ยิ่งเป็นกุศล
ครับ..ผมคิดตามขณะอ่าน และคิดตามขณะนำมาพิมพ์ ก็ขนลุกซู่ขึ้นมาเฉยๆ เพราะพระองค์ท่านทรงใช้คำง่ายๆ ศัพท์ง่ายๆ ประโยคง่ายๆ แต่ทรงจำลองสัจลีลาแห่งชีวิตมนุษย์แต่ละขั้น แต่ละตอน แต่ละแบบออกมาอย่างแยบคาย "ลึกซึ้ง-ถึงแก่น"
อ่านมากเที่ยว ก็ยิ่งประสบกับความลึกซึ้งในพระราชดำรัสที่ให้พลังชีวิต ยิ่งอ่านมากเที่ยว ก็ยิ่งได้รับพลังชีวิตเพิ่มมากขึ้นๆ
น่าอัศจรรย์จริงๆ!
อีกแฟกซ์ ผมอ่านแล้วก็เข้าใจ เพราะใสเป็นกระจกอย่างนี้ใครล่ะจะไม่เข้าใจ ต้องรีบนำมาลงพิมพ์ให้เลย ดังนี้
**************************
กราบเรียนคุณอาเปลว
ดิฉันได้แต่ติดตามผลงานมานาน แต่ไม่เคยเขียนมา แต่ตอนนี้รู้สึกทนไม่ไหว จึงต้องเขียนมารบกวน เพราะคิดว่าคุณอาอาจจะมี Power พอที่จะช่วยตักเตือนสังคม หรืออาจมีโอกาสได้พูดคุยกับกลุ่มพันธมิตรและเจ้าหน้าที่ อยากขอร้องให้พวกเขาช่วยประกาศ ช่วยวิงวอนอย่างจริงจัง ทุกๆ ครั้ง ทุกๆ สถานที่ที่ไปชุมนุม เรื่อง ขอให้รู้จักรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม
ขออนุญาตเล่าค่ะ คือ พวกดิฉันได้มีโอกาสไปร่วมชุมนุมที่สยามจนเช้า กำลังจะกลับก็เห็นคุณป้าแต่งตัวดีคนหนึ่งกำลังเก็บ-กวาดริมถนนอยู่ เราก็ดีใจว่าอย่างน้อยก็มีคนคิดและลงมือทำจริงๆ อีก ๑ คน ขอบอกว่า ทุกตรอก ซอก ซอย และสุดสายตา (โค-ตะระ สกปรก) ขออภัย พวกดิฉันช่วยเก็บอยู่พักหนึ่งจึงมีเจ้าหน้าที่ ๑ คนกวาดอยู่ จึงไปขอยืมไม้กวาดใช้ (มีตั้ง ๔ อัน) แต่ทำกันไม่ไหวจริงๆ ต้องกลับด้วยความเหนื่อยกายและใจที่ห่อเหี่ยว ไม่รู้จะทำอย่างไร เหมือนเป็นวัฒนธรรมความมักง่ายของคนไทยไปซะแล้ว เรื่องการทิ้งขยะแบบขาดสามัญสำนึก คือทิ้งกันทุกที่แบบหน้าตาเฉย ทั้งไฮโซ โลโซ ขนาด Staff เองก็ยังทิ้งเฉยเลย
ดิฉันไม่อยากให้พวกที่กำลังด่า (ส่วนใหญ่รึเปล่า) พวกเราที่มากู้ชาติทำให้สังคมเดือดร้อน ทั้งรถติดและสร้างมลภาวะ บางคนอาจจะเห็นว่าเรื่องแค่นี้ทำเป็นบ่น งานกู้ชาติสำคัญกว่า แต่ดิฉันว่า พวกเราต้องช่วยกันกู้จิตสำนึกเรื่องสิ่งแวดล้อมกันบ้าง อย่างการรณรงค์แยกขยะก็ยังไม่ได้ผลเลย ทีเลียนแบบวัฒนธรรมต่างชาติมาตั้งหลายอย่าง เรื่องนี้ไม่เห็นเลียนแบบเค้าบ้าง ขอตะโกนตอนจบเป็นธรรมเนียม "ท้ากษิณ ออกไป" (ซะที)
สุดท้าย ขออภัยที่เขียนยาว ขอขอบพระคุณคุณอาและไทยโพสต์ที่ช่วยเป็นกระบอกเสียง และสร้างสรรค์สิ่งดีๆ เพื่อสังคมตลอดมาค่ะ
ขอแสดงความนับถืออย่างสูง
คนรักสิ่งแวดล้อม
************************
โค-ตะระบ่น เลย ความดี ต้องเริ่มดีที่ตัวเราก่อน คุณก็ทำแล้วงั้ย มีคนกวาดซะคน ท่ามกลางคนทิ้งนับแสน สังคมนี้ก็มีหวังแล้วละ คุณกวาดทุกครั้งที่เจอที่รก กวาดจนเสียงไม้กวาดกลบเสียงบ่นตัวเองหายไปเมื่อไหร่ เมื่อนั้น ก็จะรู้ว่ากวาดใจตัวเองให้หายรก ยากกว่ากวาดถนน.