
20 ต.ค.57 นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกและคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์
กล่าวถึงกรณีที่ทางสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ยังไม่สามารถพิจารณาถอดถอนนักการเมือง โดยอ้างว่ายังมีปัญหาทางข้อกฎหมาย ว่า ตนมีความเป็นห่วงว่า เรื่องการถอดถอนนักการเมืองจะเป็นปัญหาสำคัญ เพราะไม่มีความชัดเจนในเรื่องข้อกฎหมาย ซึ่งก็ไม่ได้รับการแก้ไขหรือคำตอบจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยจนบัดนี้เรื่องการถอดถอนเข้าสู่การพิจารณาของ สนช.ก็ดูเหมือนว่าเรื่องนี้ จะเป็นประเด็นปัญหาที่ถกเถียงกันจนไม่สามารถหาข้อยุติได้ เมื่อความไม่ชัดเจนในข้อกฎหมาย แล้วเหตุใด คสช.จึงไม่ดำเนินการให้ชัดเจนขึ้น เพื่อให้ สนช.จะได้ข้อกฎหมายที่ยุติ ส่วนข้อเท็จจริงก็ว่ากันไป คนที่ถูกถอดถอนจะสู้ยังไงก็ว่ากันไปเป็นสิทธิ์ แต่ถ้ามีช่องว่างกฎหมายให้เขาเหล่านั้นพ้นผิดไปก็เป็นเรื่องที่น่าเสียใจ
ทั้งนี้ นายราเมศ กล่าวต่อว่า ผมใช้ความตั้งใจในการร่างคำร้องรวบรวมพยานหลักฐานเรื่องถอดถอนในหลายคดี
ทั้งกรณี นายสมศักดิ์ เกียรติ์สุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา นายนิคม ไวรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และอีกหลายคน ถึงแม้จะเสียแรงไม่เท่ากับประชาชนที่ต้องเสียความรู้สึกถ้าคนที่ทำผิดต้องลอยนวล แต่ขณะนี้ที่บางคนออกมาบอกว่าเพื่อความปรองดองก็ปล่อยๆ กันไป อยากให้เข้าใจถึงความหมายของคำว่าปรองดอง ความปรองดองคือการออมชอม ยอมกัน ซึ่งไม่มีความหมายที่ระบุไว้ที่ไหนว่า ความปรองดองคือการปล่อยคนผิด ปรองดองที่ถูกต้องคือยอมกันให้ผิดว่ากันตามผิด ถูกว่ากันตามถูก ยอมเคารพกฎหมาย เท่านี้ทุกปัญหาก็จะจบ ถ้าปรองดองที่พูดกันคือคนที่ทำผิดก็ยอมๆ กันไป ประชาชนที่ติดคุกอยู่ก็ปล่อยให้หมดคุกเพื่อความปรองดองทั้งประเทศ จะได้เสมอภาคเท่าเทียมกัน
"นักการเมืองทำผิดจะมีอภิสิทธิ์อะไรที่เหนือกว่าประชาชน เพราะทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน คนที่ทำผิดรัฐธรรมนูญร้ายแรงยิ่งกว่าความผิดอาญาแผ่นดิน เพราะสิ่งที่นักการเมืองทำมีผลเสียหายต่อประเทศอย่างใหญ่หลวง ต่อไปนักการเมืองทำผิดก็ไม่ต้องดำเนินการอะไร มีเสียงข้างมากก็ออกกฎหมายล้างผิดเสีย อย่าแปลกใจนักการเมืองที่ทำผิด เมื่อมีการดำเนินคดีจึงดิ้นเหมือนโดนน้ำร้อนลวก ก็ต้องให้กำลังใจ สนช.ว่าขอให้ทำให้สำเร็จ"
อย่างไรก็ตาม นายราเมศ กล่าวอีกว่า ประเด็นถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนี้
ถ้าตนเป็นที่ปรึกษากฎหมายของ คสช.จะแนะนำให้ คสช.ใช้อำนาจที่มีอยู่ตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ในการแก้ปัญหาที่ถกเถียงกันอยู่ โดยตนแนะนำ 2 ขั้นตอน คือ ให้ใช้อำนาจในการเรียกประชุมร่วมกันระหว่าง คสช.กับ ครม.เพื่อมีมติแก้รัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ให้หมวดที่ 12 ว่าด้วยการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ ส่วนที่ 3 ในเรื่องการถอดถอน ตามรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ให้สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติมีอำนาจในการถอดถอนต่อไป และให้บุคคลใดที่กระทำการอันเป็นความผิดตามรัฐธรรมนูญ 2550 ซึ่งเป็นเหตุให้มีการถอดถอน ให้ถือว่าเป็นความผิดที่ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีอำนาจถอดถอนต่อไปได้ และให้รีบนำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติม เข้าสู่การพิจารณาของ สนช.ใช้เวลา 15 วัน เมื่อ สนช.พิจารณาแล้ว สามารถนำขึ้นทูลเกล้าภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ สนช.ได้มีมติ ซึ่งตนยืนยันว่าทำได้ และเป็นสิ่งที่ถูกต้องและสมควรทำ ซึ่งทั้งหมดน่าจะใช้เวลาไม่เกิน 45 วัน
ส่วนผลที่คาดว่าจะได้รับภายหลังจากการดำเนินการตามที่ตนแนะนำนั้น ทำให้ประเด็นเรื่องการถอดถอนมีความชัดเจนในข้อกฎหมายมากยิ่งขึ้น
และไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นการยัดเยียดความผิดให้ผู้ที่ถูกถอดถอนตามรัฐธรรมนูญ 2550 เพราะเป็นความผิดที่เกิดขึ้นจริง ไม่ได้ร่างกฎหมายเพื่อเอาผิดใคร จะมีความชัดเจนดังเช่นกรณีการพิจารณาคดีเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น ที่เมื่อรัฐธรรมนูญ 2550 ได้ถูกยกเลิกก็ได้มีประกาศคณะรักษาความสงงบ ฉบับที่ 51 และ 57 ที่ประกาศให้ศาลอุทธรณ์มีอำนาจพิจารณาได้ต่อไป และประชาชนก็จะชื่นชมว่า หลักความถูกต้องเท่าเทียมกัน ในประเทศนี้ยังคงดำรงคงอยู่ต่อไป



กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
























กระทู้ล่าสุด


รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
















































Love Attack เทศกาลความรักแบบนี้ บอกอ้อมๆให้เขารู้กัน
Chocolate Dreams สาวชั่งฝันและช็อคโกแลต กับหนุ่มหล่อ ไม่แน่คุณอาจจะได้เจอแบบนี้ก็ได้
Love You Like Crazy เพลงเพราะๆ ที่ถ้าส่งให้คนที่เรารัก โลกนี้ก็สีชมพูกันทีเดียว