นายกฯ ไม่ดีใจคนเรียก “ประยุทธ์นิยม” เผยอยากตะโกน “รักประเทศไทย”
ตอบคำถามผู้สื่อข่าวกรณีที่ว่า ก่อนหน้านี้มีคำว่าประชานิยมแล้ว มาถึงวันนี้รู้สึกอย่างไร ที่เริ่มมีคนพูดถึงคำว่า “ประยุทธ์นิยม” ว่า “ไม่ใช่มั้ง อย่าไปเรียกอย่างนั้นเลย และผมก็ไม่ดีใจที่จะมีคนเรียกอย่างนี้ หรือแม้แต่จะเรียกว่าประยุทธ์ฟีเว่อร์ ก็ไม่ดีใจ เพราะไข้แบบนี้เดี๋ยวมันก็หาย แค่ฟีเว่อร์เดี๋ยวมันก็หายไป อย่างให้เป็นประเทศไทยนิยม หรือนิยมประเทศไทย”
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวปฏิเสธว่า “ไม่ใช่ผม ไม่ใช่ประยุทธ์โมเดล แต่เป็นของคนไทยทุกคน เรียกว่านี่คือไทยโมเดล ประเทศไทยต้องเป็นอย่างนี้ ต้องมีอนาคตต้องมีวิสัยทัศน์ มีแผนงานมียุทธศาสตร์ว่าจะไปพูดหรือเจรจากับเขาอย่างไร ไม่ใช่ไปแค่จับไม้จับมือ ทักทายสวัสดีแล้วเดินทางกลับ โดยไม่ไปพูดว่าเรามีอะไรเสนอหรือเปิดช่องทางให้ต่างชาติเข้ามาค้าขายกับเราได้บ้าง
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “รักประเทศไทย รักคนไทยทุกคน” อย่างไรก็ตาม การทำหน้าที่ของตนวันนี้ คือ 1.พูดด้วย คิดด้วย ประสานงานอย่างบูรณาการ ขับเคลื่อนงาน 3-4 แท่ง บริหารราชการแผ่นดินด้วยความโปร่งใส 2.ปฏิรูปประเทศให้ได้ 3. สร้างความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินให้ได้ 4. วางยุทธศาตร์ประเทศระยะยาว
บางคนก็บอกว่าให้อยู่ปีเดียว บางคนก็ถามว่าอยู่ปีเดียวแล้วจะทำงานทันหรือ ก็ไม่รู้จะตอบตรงไหนดี เอาเป็นว่าตอนนี้ให้ทุกคนรู้ว่าประเทศเรามีปัญหาอะไรบ้าง ทุกคนต้องช่วยและเป็นกำลังใจให้รัฐบาลในการทำงาน เดี๋ยวมันก็แก้ไขได้ ส่วนจะแก้ปัญหาได้จบหรือไม่ก็ต้องไปว่ากัน
นายกฯ ไม่ดีใจคนเรียก “ประยุทธ์นิยม” เผยอยากตะโกน “รักประเทศไทย”
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวการเมือง นายกฯ ไม่ดีใจคนเรียก “ประยุทธ์นิยม” เผยอยากตะโกน “รักประเทศไทย”
เมื่อเวลา 10.35 น. วันที่ 8 ต.ค. ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
เมื่อถามย้ำว่า จะลำบากใจหรือไม่ ถ้าประชาชยสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรียาวๆ ครบ 4 ปี พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แค่นี้ก็แย่พอแล้ว ต่อข้อถามว่า แสดงว่าจะเป็นนายกฯ แค่ 1 ปีหรือ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “ไม่รู้ ไม่ทราบ”
เมื่อถามว่าถ้าการปฏิรูปทำได้สำเร็จจะกลายเป็น “ประยุทธ์โมเดล” หรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากวันนี้อยากตะโกนดังๆ ให้คนได้ยินทั้งประเทศ จะตะโกนคำว่าอะไร
เมื่อถามว่า แสดงว่าจะต้องอยู่ในตำแหน่งของรัฐบาลยาวใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า
“และที่ผมต้องพูดมากทุกวัน ก็เพราะต้องการอธิบายให้สังคมเข้าใจ ถ้าพูดน้อยแล้วจะรู้เรื่องกันไหม ไม่เช่นนันก็จะไปมโนกันอยู่เรื่อย ขนาดผมพูดขนาดนี้ก็ยังเข้าใจไม่ตรงกันเลย ผมเป็นคนชอบอธิบายให้คนทั้งประเทศเข้าใจในเจตนาของผมและรัฐบาลและลดความขัดแย้งไม่มีใครอยากจะแบกภาระอันนี้ ผมถามว่าใครอยากจะมาเป็น ใครอยากจะมาทำก็มาสิ ไม่เห็นมีใครสมัครเลยในตอนนั้น ผมถึงต้องเข้ามาทำนี่ไงและแก้ปัญหามาโดยตลอด และยืนยันว่าผมเป็นกลางแต่วิธีการและขั้นตอนก็ต้องไปว่ากันอีกที ว่าทำอย่างไรและที่บางครั้งมีอารมณ์โกรธบ้าง ก็ต้องยอมรับว่าผมเป็นมนุษย์เป็นปุถุชนและยังวัยรุ่นอยู่” นายกรัฐมนตรีกล่าว