“อภิสิทธ์” แนะ สปช. 3-4 เดือนแรกเน้นปฏิรูปการเมือง วอน ให้โอกาสสมาชิกทำงานอย่ามองล็อกสเปก ระบุควรให้ปชช.เข้ามีส่วนร่วมแสดงความเห็น
วันที่ 30 ก.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ว่า การปฏิรูปประเทศจะต้องแก้ไขเรื่องการเมือง
ระบบเผด็จการทุนนิยมสามานย์จนได้อำนาจรัฐ ซึ่งคนส่วนใหญ่มองไปที่ร่างรัฐธรรมนูญ แต่ตนมีคำถามว่า การเมืองที่ผ่านมานั้นปัญหาอยู่ที่รัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะรัฐธรรมนูญปี 50 ยังมีบางส่วนที่อาจปรับปรุงได้ และคิดว่า ภาพรวมรัฐธรรมนูญ ปี 50 ยังมีเป้าหมายที่เราอยากจะได้ โดยเฉพาะในแง่ของการตรวจสอบ ถ่วงดุลอำนาจ แต่ปัญหาที่ผ่านมา คือ มีคนพยายามเลี่ยงไม่ทำตามรัฐธรรมนูญ หรือพอถูกตรวจสอบมาก ๆ ก็ไม่พอใจ จึงอยากจะแก้รัฐธรรมนูญ เพราะฉะนั้นสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) หรือ คณะกรรมาธิการที่จะไปจัดทำรัฐธรรมนูญ เปลี่ยนระบบเลือกตั้ง เปลี่ยนสัดส่วน ส.ส. ส.ว. และการเลือกตั้งตรงหรือเลือกตั้งอ้อมนั้น ตนมองว่าไม่ใช่โจทย์ที่ถูกต้อง
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า การปฏิรูปต้องเชื่อมโยงกัน จะเจาะจงหวังไปที่การแก้ไขกฎหมาย หรือมาตรการจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) อย่างเดียวไม่ได้
ทุกอย่างต้องขยับไปด้วยกัน เพื่อไปสู่เป้าหมาย และกติกาไม่ว่าจะเป็นในรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมาย ต้องกีดกันไม่ให้คนที่มีปัญหาอยู่แล้วเข้ามาได้ เพื่อป้องกันการกระทำความเสียหายในอนาคต แต่หากออกมาตรการพิเศษ เพื่อลงโทษหรือกีดกันก็จะทำให้เกิดปัญหา 2 ประการ คือ 1. เป็นการจุดกระแสการต่อต้าน และ 2. การห้ามบุคคลที่เป็นตัวแทนของทุนสามานย์เข้ามา ตนคิดว่า บทบัญญัติอย่างนี้ ถ้าไปเขียนอะไรที่ทำให้คนมีความรู้สึกว่า ไม่ได้เขียนมาด้วยหลักการแต่เขียนมาด้วยเจตนาไปกีดกันบุคคล ก็จะไม่เป็นที่ยอมรับ และจะเป็นปมสร้างปัญหาต่อไปในอนาคต
ส่วนการทำงานของ สปช. ที่จะทำให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สปช.ต้องกำหนดแนวทางทั้ง 11 ด้านให้เร็วที่สุด
โดยงานแรกที่ต้องเร่งทำคือ ต้องรีบส่งความเห็นเกี่ยวกับการปฏิรูปทางการเมืองเบื้องต้น เพื่อเป็นกรอบให้กรรมาธิการไปยกร่างรัฐธรรมนูญ เพราะฉะนั้น สปช.ในช่วง 3 – 4 เดือนแรกต้องใช้เวลากับการปฏิรูปการเมือง ส่วนอีก10 ด้าน อาจจะใช้ระบบให้กรรมาธิการ กรรมการ หรืออนุกรรมการไปทำ โดยสมาชิกทั้ง 250 คน ต้องตระหนักอย่างมากว่าจะทำอย่างไรให้สิ่งที่ผลักดันเป็นที่ยอมรับ มีความชอบธรรม เพราะสิ่งที่คิดทั้งหมดคงทำไม่เสร็จภายในระยะเวลา 1ปี ดังนั้นควรให้ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น และคอยตรวจสอบ และควรให้โอกาส สปช.ได้ทำงาน ไม่ควรมองในแง่ร้ายว่ามีการล็อกเปก
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงรายชื่อสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.)ที่ปรากฏชื่อนายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรองหัวหน้าพรรคฯ ในด้านพลังงาน ว่า
คงไม่มีปัญหาเพราะนายอลงกรณ์ ใช้สิทธิ์เข้าไปในฐานะส่วนตัว แต่ตนพูดแล้วว่าใครเข้าไปเป็น สปช. พรรคก็ต้องพิจารณาในการส่งลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งต่อไป ซึ่งพรรคมีจุดยืนว่า ไม่ส่งคนที่จะมีผลประโยชน์ขัดกันในด้านหนึ่งด้านใด เพราะฉะนั้นนายอลงกรณ์ ต้องรับทราบตรงนี้และต้องยอมรับกติกา ว่า เมื่อเข้าไปตรงนี้แล้ว อาจจะทำให้เขาไม่สามารถกลับมาเป็นนักการเมืองได้อีกระยะหนึ่ง ส่วนจะกลับมาในนามพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่นั้น ตนไม่สามารถตอบแทนนายอลงกรณ์ได้
นายอภิสิทธิ์ ยังได้กล่าวถึงกระแสข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
และกลุ่มบุคคลบางกลุ่มเตรียมตั้งพรรคการเมือง โดยไปเอานักการเมืองเซียนรุ่นเก่า และนักธุรกิจบางคนมาร่วม ว่า ตนไม่เคยได้ยินเรื่องนี้ แต่สถานการณ์อย่างนี้ ก็มีคนคิดเรื่องตั้งพรรคการเมืองใหม่ ที่ไม่ใหม่จริง คือ เอานักการเมืองเก่าเข้ามาเพื่อเป็นฐาน ซึ่งตนก็พอทราบการเคลื่อนไหวต่าง ๆ ของนักการเมืองอยู่บ้าง ดังนั้นตนเชื่อว่า มีคนคิดและอาจมีคนทำ แต่จะทำจริงจัง และสำเร็จหรือไม่ยังเร็วเกินไปที่จะบอกได้ ทั้งนี้ไม่เชื่อว่า การตั้งพรรคการเมืองเหมือนสมัยคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) จะทำได้ง่ายในยุคนี้.