พจมานงัดคำพิพากษาค้านคตส.ริบเงิน772ล้านคดีซื้อที่ดินรัชดาฯ

ใช้กฎหมายอาญามาตรา 33 ริบ เงิน 772 ล้านบาท คดีซื้อที่ดินรัชดาจากกองทุนฟื้นฟูฯพร้อมส่งทนายฟ้องกลับ ประธานคตส. ข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ด้านอนุตรวจสอบหุ้นชินฯเรียก"กาญจนาภา" เค้นข้อมูลเส้นทางเงิน

นายพิชิต ชื่นบาน ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ผู้ถูกกล่าวหากรณีการซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษก ของคุณหญิงพจมานจากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน

เปิดเผยว่าคณะทำงานฝ่ายกฎหมายคุณหญิงพจมาน ได้ยื่นฟ้องคดีอาญานายนาม ยิ้มแย้ม ต่อศาลอาญา

เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 มาตรา 91 มาตรา 157 และมาตรา 200 ของ โดยศาลอาญาได้มีคำสั่งให้นัดไต่สวนมูลฟ้องว่าคดีที่ยื่นฟ้องมีมูลความผิดหรือไม่ วันที่ 23 กรกฎาคมนี้

คุณหญิงพจมาน ฟ้องนายนาม ครั้งนี้ เป็นคดีที่ 2 เพราะเห็นว่านายนามปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ บังคับขู่เข็ญให้กองทุนฟื้นฟูฯ

ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษพ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน พร้อมกับบอกว่าจะดำเนินคดีอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่หากกองทุนฟื้นฟูฯไม่ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษ

ขณะเดียวกัน นายนาม กล่าวว่าการซื้อขายที่ดินย่านรัชดาภิเษกทำผิดพ.ร.บ.คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มาตรา 100 และบอกว่าสามารถริบที่ดินได้ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33

ซึ่งคำพูดดังกล่าวถือเป็นการชี้นำ มีเจตนากลั่นแกล้งคุณหญิงพจมานและพ.ต.ท.ทักษิณ ให้ได้รับความเสียหาย ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีอาญา เพื่อให้บุคคลทั้งสองต้องรับโทษ เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น

นายพิชิต ระบุว่านอกจากนี้ตนยังได้ยื่นหนังสือให้คณะอนุกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ทุกคน เพื่อคัดค้านให้นายนาม ยุติการทำหน้าที่ ประธานคตส.

และขอให้กรรมการคตส. ห้ามไม่ให้นายนามร่วมพิจารณาสำนวนคดีที่พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมานถูกกล่าวหา เนื่องจากนายนามเป็นคู่กรณี และคู่ความที่คดีอาญากับผู้ถูกกล่าวหา จึงถือเป็นผู้มีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ถูกกล่าวหา

ขณะเดียวกัน ได้ยื่นหนังสือให้นายอุดม เฟื่องฟุ้ง กรรมการคตส. ในฐานะอนุกรรมการตรวจสอบการซื้อขายที่ดินย่านรัชดาภิเษก ทบทวน แก้ไข เพิกถอน มติที่ประชุมคณะอนุกรรมการไต่สวน เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา

เพราะการที่นายอุดม ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า คณะอนุกรรมการไต่สวนได้สรุปผลการไต่สวนเสร็จแล้ว และมีมติให้ส่งสำนวนฟ้องพ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ความผิดตามมาตรา 100 กฎหมายป.ป.ช. (1) ต่อที่ประชุมใหญ่ คตส.วันที่ 14 พฤษภาคมนี้

พร้อมทั้งเสนอให้ใช้มาตรา 33 ของกฎหมายอาญา เพื่อให้ศาลสั่งริบทรัพย์สินที่ได้มาโดยมิชอบด้วย การให้สัมภาษณ์ลักษณะดังกล่าวเป็นเหตุให้ผู้ถูกกล่าวหาได้รับความเสียหาย จึงขอให้คณะอนุกรรมการทบทวนมติดังกล่าว เพื่อระงับความเสียหายของผู้ถูกกล่าวหา

เกี่ยวกับกรณีที่บอกว่าหากการซื้อขายที่ดินมีความผิดแล้ว ต้องริบทั้งที่ดินและทรัพย์สินแล้วเห็นว่า หากการซื้อขายที่ดินมีความผิดตามมาตรา 100 กฎหมายป.ป.ช. ที่ดินที่ซื้อขายกันต้องคืนให้กับกองทุนฟื้นฟูฯตามหลักโมฆกรรม

ส่วนเงินของคุณหญิงพจมานจำนวน 772 ล้านบาทนั้น ไม่สามารถริบได้ เพราะเรื่องนี้เคยมีคำพิพากษาฎีกาเลขที่ 6055/2534 ว่าไม่สามารถริบทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32 และ 33 ได้นายพิชิต กล่าว

นายอุดม กล่าวว่าขณะนี้คณะอนุกรรมการได้สรุปสำนวนไต่สวนกรณีการซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษกแล้ว แต่ก่อนที่จะเสนอเรื่องดังกล่าวให้ที่ประชุมพิจารณา ตนจะนำเรื่องที่นายพิชิต ยื่นเสนอให้ที่ประชุมใหญ่คตส.พิจารณาก่อนว่า

ที่ประชุมมีความเห็นอย่างไร เมื่อที่ประชุมมีมติออกมามาอย่างไรแล้ว ก็ต้องปฏิบัติตามมติของที่ประชุม ขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าผลสรุปเรื่องนี้จะออกมาอย่างไร ต้องรอฟังความเห็นของที่ประชุมคตส.ชุดใหญ่ก่อน

สำหรับกรณีนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายพ.ต.ท.ทักษิณและครอบครัว ออกมายืนยันว่า คตส.ไม่สามารถเสนอริบทรัพย์สินคดี โดยอาศัยอำนาจประมวลอาญา มาตรา 33

โดยส่วนตัวมองว่าความเห็นดังกล่าวเป็นเรื่องไร้สาระ เพราะโดยหลักการทางกฎหมาย หากศาลตัดสินว่า เรื่องนี้มีความผิดจริง ศาลก็สามารถสั่งริบทรัพย์ ที่เกิดขึ้นในคดีได้ทันที เพราะถือเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด

ขั้นตอนการตรวจสอบคดีนี้ที่คตส.ชุดใหญ่ มีมติไปแล้วมีเรื่องริบทรัพย์รวมอยู่ด้วย แต่ในชั้นของการไต่สวนคงต้องรอดูว่าคณะอนุกรรมการไต่สวนจะเสนอเรื่องมาให้พิจารณาอย่างไร คงต้องรอฟังผลการประชุม คตส. ชุดใหญ่วันที่14 พฤษภาคม นี้

นายวีระภัทร ศรีไชยา ทนายความครอบครัวชินวัตร กล่าวว่าวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ คุณหญิงพจมาน และนางกาญจนาภา หงส์เหิน เลขานุการส่วนตัวคุณหญิงพจมาน จำเลยในคดีการหลีกเลี่ยงภาษีการซื้อขายหุ้น บริษัทชินวัตรคอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด

ของนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ จะเดินทางไปที่ศาลอาญาด้วยตัวเอง ตามที่ศาลมีหมายเรียกนัดตรวจเอกสารหลักฐานและคำให้การ หลังจากนั้นคิดว่าศาลคงจะนัดสืบพยานอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้ทางฝ่ายจำเลยได้เตรียมพยานที่จะนำมาต่อสู่ในคดีนี้ไว้จำนวนมาก

นายนาม กล่าวถึงการร่างระเบียบค่าใช้จ่ายของ คตส. กรณีที่ถูกฟ้องกลับว่าเท่าที่ทราบ ขณะนี้นายแก้วสรร อติโพธิ กรรมการและเลขานุการคตส.ได้ทำเรียบร้อยแล้วอยู่ระหว่างเสนอที่ประชุมคตส.ชุดใหญ่พิจารณา

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: